กองทัพสหรัฐอเมริกาเปิดเผยข้อมูลสำคัญวานนี้ (13 กุมภาพันธ์) ว่า ทางการสามารถเก็บกู้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญหลายชิ้นจากซากบอลลูนสอดแนมจีนที่ถูกเครื่องบินรบสหรัฐฯ ยิงตกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รวมถึงเซ็นเซอร์ตัวหลักที่คาดว่าถูกใช้สำหรับการรวบรวมข่าวกรอง
กองบัญชาการเหนือของกองทัพสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า “ลูกเรือของกองทัพสามารถเก็บกู้เศษซากชิ้นส่วนที่สำคัญของบอลลูนจากพื้นที่ที่ถูกยิงตกได้ รวมถึงเซ็นเซอร์ตัวหลักและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ตลอดจนชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของโครงสร้างบอลลูน”
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้พบบอลลูนดังกล่าวเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนจะมีรายงานยืนยันว่าวัตถุดังกล่าวเป็นบอลลูนของจีน ซึ่งเคลื่อนผ่านพื้นที่สำคัญของประเทศหลายแห่ง และหนึ่งในนั้นคือฐานทัพอากาศมัลม์สตรอมในรัฐมอนทานา ก่อนที่ในท้ายที่สุดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ กองทัพสหรัฐฯ จะตัดสินใจส่งเครื่องบินรบ F-22 ยิงสอยบอลลูนสอดแนมขณะลอยอยู่เหนือมหาสมุทรแอตแลนติก นอกชายฝั่งรัฐเซาท์แคโรไลนา เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อประชาชนบนภาคพื้นดิน ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความตึงเครียดให้กับความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อย่างมาก
ขณะเดียวกันเหตุการณ์ดังกล่าวยังทำให้กองทัพสหรัฐฯ ยกระดับการตรวจตราน่านฟ้า เพื่อตรวจหาวัตถุลอยฟ้าอื่นๆ ที่เรดาร์ไม่อาจตรวจจับได้ ก่อนที่จะพบวัตถุลอยฟ้าต้องสงสัย 3 ชิ้นในน่านฟ้าของแคนาดาและสหรัฐฯ ถึง 3 วันติดกันเมื่อช่วงวันศุกร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา
ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกมาแถลงข่าวเพื่อสยบความกังวลของชาวอเมริกันเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากวัตถุลอยฟ้าปริศนาเหล่านั้น โดยระบุว่า “ผมต้องการสร้างความมั่นใจให้กับชาวอเมริกันทุกคนว่า วัตถุลอยฟ้าทั้งหมดไม่ได้เป็นภัยคุกคามทางทหารแก่ประชาชนเบื้องล่างแต่อย่างใด แต่พวกมันมีความเสี่ยงที่จะรบกวนการบินของพลเรือน และอาจเป็นภัยคุกคามในแง่ที่มันถูกใช้เพื่อรวบรวมข่าวกรอง”
ออสตินกล่าวด้วยว่า ในขณะนี้กองทัพยังไม่สามารถเก็บกู้ซากวัตถุลอยฟ้าปริศนา 3 ชิ้นล่าสุดที่ถูกเครื่องบินรบของทางการสอยร่วงลงมา และยังไม่มีการยืนยันว่าวัตถุเหล่านั้นคืออะไรและมีความเชื่อมโยงกับบอลลูนสอดแนมจีนด้วยหรือไม่ ซึ่งต้องรอความชัดเจนต่อไปหลังจากกระบวนการตรวจสอบทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
แฟ้มภาพ: Peter Zay / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
