วันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.) ชาวอเมริกันทั่วประเทศจะออกไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงในศึกเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ซึ่งจะชี้ชะตาว่าใครจะได้ครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสในช่วง 2 ปีหลังของการดำรงตำแหน่งของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยศึกครั้งนี้จะมีการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั้ง 435 ที่นั่ง และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 35 ที่นั่ง จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง หรือ 1 ใน 3 และผู้ว่าการมลรัฐใน 36 รัฐ จากทั้งหมด 50 รัฐ
โดยโพลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดจากสำนักข่าว ABC ซึ่งจัดทำร่วมกับ Washington Post พบว่า ชาวอเมริกัน 52% จะเลือกพรรคเดโมแครต ส่วนอีก 44% จะเลือกพรรครีพับลิกัน
สอดคล้องกับโพลจาก NBC ร่วมกับ Wall Street Journal ซึ่งพบว่า ชาวอเมริกัน 50% ต้องการเลือกพรรคเดโมแครตให้ครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส ขณะที่ 43% ต้องการเลือกพรรครีพับลิกันให้ทำหน้าที่ในสภาต่อไป
สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเดโมแครตต้องการคว้าที่นั่ง ส.ส. เพิ่มอีก 24 ที่นั่ง จึงจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ ขณะเดียวกันก็ต้องการที่นั่งในวุฒิสภาเพิ่มอีก 2 ที่นั่ง เพื่อครองเสียงข้างมากในสภาสูง ซึ่งหากทำได้ จะส่งผลให้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และพรรครีพับลิกันผลักดันนโยบายและกฎหมายต่างๆ ได้ยากลำบากยิ่งขึ้น
คาดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีคนออกไปใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้น โดย 80% ของผู้ตอบแบบสำรวจบอกกับโพล ABC และ Washington Post ว่า พวกเขามีความประสงค์จะออกไปลงคะแนนเสียงอย่างแน่นอน หรือได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ากันไปแล้ว เพิ่มขึ้นจากระดับ 65% ในศึกเลือกตั้งมิดเทอมปี 2014
ส่วนโพลของสำนัก NBC และ Wall Street Journal ระบุว่า ชาวอเมริกัน 70% สนใจการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นพิเศษ โดยให้ความสนใจอยู่ที่ระดับ 9-10 คะแนน เพิ่มขึ้นจากระดับ 61% ในศึกเลือกตั้งกลางเทอม 3 ครั้งก่อนหน้านี้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
