สำนักข่าว Reuters รายงานว่า สหรัฐฯ และญี่ปุ่น กำลังเดินหน้าสู่ข้อตกลงชั่วคราวด้านการค้า ภายหลังการเจรจานโยบายภาษีศุลกากรระหว่างคณะผู้แทนญี่ปุ่นกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ข้อมูลดังกล่าวมาจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ แต่ชี้ว่า ข้อตกลงชั่วคราวดังกล่าว อาจจะยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ด้านการค้าที่ซับซ้อนระหว่างทั้งสองประเทศ และยังมีความเป็นไปได้ที่อาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในขั้นสุดท้าย
ญี่ปุ่นถือเป็นชาติแรกที่ได้เริ่มเจรจามาตรการภาษีกับสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ทรัมป์ ประกาศใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากทั่วโลก
โดยญี่ปุ่นถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 24% และก่อนหน้านี้ยังเผชิญภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตรา 25% ด้วย
การเจรจาระหว่างทั้งสองประเทศ มีขึ้นในขณะที่ทรัมป์ เรียกร้องให้ญี่ปุ่นเพิ่มการนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐฯ ในขณะที่ญี่ปุ่นต้องการให้สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นโดยเฉพาะรถยนต์และเหล็ก
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวภายหลังการเจรจากับคณะผู้แทนญี่ปุ่น โดยยกย่องว่าเป็น “ความคืบหน้าครั้งใหญ่” แต่รายละเอียดการเจรจายังไม่มีการเปิดเผยออกมาอย่างแน่ชัด โดยคาดว่าน่าจะรวมถึงประเด็น การกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร
ทั้งนี้ คัตสึโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่น เตรียมที่จะเดินทางไปเยือนกรุงวอชิงตันช่วงปลายสัปดาห์นี้ และคาดว่าจะได้พบกับ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เพื่อหารือในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน
ขณะที่สำนักข่าว NHK รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณากำหนดตารางการเจรจารอบต่อไปกับสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการเจรจาระดับรัฐมนตรี
โดยในการเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจารอบต่อไป รัฐบาลญี่ปุ่นได้ทำการตรวจสอบความคิดเห็นต่างๆ ของทรัมป์ ตลอดจนรายละเอียดข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังศึกษาประเด็นในการต่อรองที่ฝ่ายญี่ปุ่นสามารถนำเสนอได้
ด้าน เรียวเซอิ อากาซาวะ รัฐมนตรีเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้เจรจาระดับสูงของญี่ปุ่น กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายกำลังดำเนินการเพื่อกำหนดขอบเขตของการเจรจา
โดยเขาชี้ว่า ข้อสรุปขั้นสุดท้ายของการเจรจากับสหรัฐฯ น่าจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ในแนวทางที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อญี่ปุ่น
ภาพ: facebook.com / akazawa.ryosei
อ้างอิง: