×

วิกฤตผู้บริหารลาออก! เผยกว่าครึ่งของ C-Level ในสหรัฐฯ เตรียมทิ้งตำแหน่งใน 2 ปี สะท้อน ‘การเปลี่ยนมุมมองชีวิต’ ยุคหลังโควิด

27.02.2025
  • LOADING...
us-executives-leaving

ผลสำรวจล่าสุดจากบริษัทวิจัยและที่ปรึกษา Gartner เผยข้อมูลที่น่าวิตกว่า 56% ของผู้บริหารระดับ C-Level ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งหมายถึงผู้บริหารระดับสูงที่มีคำว่า ‘Chief’ นำหน้าตำแหน่ง มีแนวโน้มที่จะลาออกจากงานภายใน 2 ปีข้างหน้า 

แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิดจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงในสถานที่ทำงานยังคงปรากฏชัดเจนและกำลังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อองค์กรธุรกิจทั่วประเทศ

 

ตัวเลขที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ 27% ของผู้บริหารกลุ่มนี้วางแผนจะลาออกภายใน 6 เดือน โดยมีเพียง 17% เท่านั้นที่เป็นกลุ่มที่จะเกษียณอายุตามวาระ 

 

Alexander Kirss ผู้บริหารอาวุโสฝ่าย HR ของ Gartner ชี้ว่า “การลาออกของผู้บริหารระดับสูงส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตขององค์กร เพราะทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์น้อยกว่ามักส่งผลให้การเติบโตของบริษัทลดลง ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูงกลับมีแนวโน้มจะลาออกมากกว่าผู้บริหารที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่”

 

จากรายงานของ Gartner แสดงให้เห็นว่า บริษัทที่มีผู้บริหารระดับสูงทำงานต่อเนื่องในองค์กรเป็นเวลา 5 ปีขึ้นไป มักมีผลงานที่ดีกว่าในหลายด้าน ทั้งรายได้ ความพึงพอใจของลูกค้า และดัชนีชี้วัดความสำเร็จอื่นๆ เมื่อเทียบกับบริษัทที่มีผู้บริหารที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ 

 

ดังนั้นการที่ผู้บริหารมากประสบการณ์วางแผนจะลาออก จึงเป็นความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการขององค์กรในอนาคต

 

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริหารตัดสินใจลาออกคือการสูญเสียโอกาสการทำงานแบบระยะไกล ท่ามกลางนโยบายให้กลับเข้าสำนักงานที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริหารในปัจจุบันให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการทำงานและคุณภาพชีวิตมากกว่าเดิม

 

Gartner แนะนำว่าประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (CHRO) ควรมีบทบาทสำคัญ 3 ด้านเพื่อรักษาผู้บริหารเหล่านี้ไว้ ได้แก่ 

  • การเป็นโค้ชด้านอาชีพที่ช่วยพัฒนาทักษะและแนะแนวทางความก้าวหน้า 
  • การเสริมสร้างความสัมพันธ์กับซีอีโอเพื่อสื่อสารเป้าหมายการพัฒนาบุคลากรได้ชัดเจน 
  • การสนับสนุนสุขภาพจิตและสมดุลชีวิตการทำงาน รวมถึงการรักษาความยืดหยุ่นในการทำงานที่ผู้บริหารต้องการ

“องค์กรจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การรักษาผู้บริหารให้ตรงกับความคาดหวังและความต้องการเฉพาะของแต่ละคน” Kirss กล่าว “หากผู้บริหารคนใดกำลังเผชิญความเครียดหรือภาวะหมดไฟ การจัดการทำงานแบบไฮบริดหรือความยืดหยุ่นอื่นๆ อาจเป็นวิธีง่ายๆ ที่ได้ผลในการรักษาพวกเขาไว้ น่าเสียดายที่องค์กรมักเข้าใจผิดว่าการรักษาผู้บริหารต้องใช้ค่าตอบแทนที่สูงขึ้น แต่เงินไม่ได้ช่วยอะไรมากนักหากผู้บริหารกำลังเผชิญกับภาวะหมดไฟ”

 

น่าเป็นห่วงว่าผลสำรวจระบุว่ามีเพียง 25% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่เห็นว่า CHRO ของตนมีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของทีมผู้บริหาร และมีเพียง 23% ที่รายงานว่า CHRO สามารถช่วยลดความตึงเครียดระหว่างผู้บริหารระดับสูงได้ 

 

เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของหลายองค์กรยังต้องพัฒนาบทบาทในการดูแลผู้บริหารระดับสูงอีกมาก เพื่อป้องกันการสูญเสียบุคลากรสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตขององค์กรในระยะยาว

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising