สหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ทำลายอาวุธเคมีที่เก็บรักษามานานหลายสิบปีจนหมดสิ้น ด้านนักรณรงค์ชี้ นับเป็นก้าวสำคัญของประชาคมโลกที่อาวุธทำลายล้างสูงเหล่านี้ได้ถูกทำลายลง
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า “วันนี้ผมภูมิใจอย่างมากที่จะประกาศว่าสหรัฐฯ ได้ทำลายอาวุธยุทโธปกรณ์ล็อตสุดท้ายในคลังเก็บอาวุธได้อย่างปลอดภัย ทำให้เราเข้าใกล้โลกที่ปราศจากความน่าสะพรึงกลัวของอาวุธเคมีเข้าไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว”
สหรัฐฯ ถือเป็นประเทศสุดท้ายที่ลงนามใน ‘อนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี’ (Chemical Weapons Convention: CWC) ที่ตกลงกันว่าจะห้ามผลิต ห้ามสะสม และห้ามใช้อาวุธเคมีระหว่างกัน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 1997
ด้านองค์การห้ามอาวุธเคมี (OPCW) ระบุว่า เหตุการณ์นี้นับเป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของการลดจำนวนอาวุธในประชาคมระหว่างประเทศ พร้อมทั้งมีรายงานยืนยันว่า อาวุธเคมีเหล่านี้ได้ถูกทำลายอย่างถาวรแล้วในสหรัฐฯ
สหรัฐฯ จัดเก็บอาวุธทั้งจรวด กระสุนปืนใหญ่ และระเบิดที่บรรจุสารเคมีอย่างก๊าซมัสตาร์ด (Mustard Gas) ซึ่งจัดอยู่ในสารเคมีที่ทำให้พุพอง (Vesicant or Blister Agent) รวมถึงสารซาริน (Sarin) และสาร VX ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติทำลายประสาท (Nerve Agent) มานานนับตั้งแต่ช่วงสมัยสงครามโลก
โดยอาวุธเคมีเหล่านี้ถูกประณามและถูกประกาศแบน นับตั้งแต่ประชาคมโลกเห็นภาพความเลวร้ายและได้รับบทเรียนครั้งสำคัญจากการใช้อาวุธเหล่านี้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา และยังคงพบรายงานการใช้อาวุธเคมีโจมตีใส่กันอยู่เป็นระยะ เช่น อิรักใช้ก๊าซทำลายระบบประสาทโจมตีใส่อิหร่านในช่วงทศวรรษ 1980 รวมถึงเหตุการณ์ที่รัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ใช้อาวุธเคมีโจมตีฝ่ายตรงข้ามในสงครามกลางเมืองในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานี้
แฟ้มภาพ: Saul Loeb / AFP
อ้างอิง: