ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เตือนว่า การทำสงครามเหนือเกาะไต้หวันจะเป็นหายนะ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก “ในแบบที่เราคาดไม่ถึง” พร้อมกับเน้นย้ำถึงการสนับสนุนของสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวันและภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
“ไม่มีความขัดแย้งที่ใกล้เข้ามาหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ การป้องปรามในปัจจุบันนั้นแข็งแกร่ง และเป็นหน้าที่ของเราที่จะคงไว้ซึ่งแนวทางดังกล่าว” ออสตินกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดด้านความมั่นคง Shangri-La Dialogue ที่สิงคโปร์ เมื่อวันเสาร์ (3 มิถุนายน) ซึ่งมีผู้แทนจากหลายสิบประเทศเข้าร่วม รวมถึงจีน
“ทั่วโลกมีส่วนได้เสียในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ความมั่นคงปลอดภัยของช่องทางเดินเรือเชิงพาณิชย์และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ เสรีภาพในการเดินเรือทั่วโลกก็เช่นกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการสู้รบในช่องแคบไต้หวันจะเป็นหายนะ”
ในช่วงถาม-ตอบหลังการกล่าวสุนทรพจน์ ออสตินยังกล่าวเสริมด้วยว่า “ความขัดแย้งในช่องแคบไต้หวันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในแบบที่เรานึกไม่ถึง”
ไม่นานหลังจากออสตินขึ้นกล่าวบนเวที Shangri-La Dialogue เมื่อวันเสาร์ พล.ท. จิงเจี้ยนเฟิง แห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนว่า ความเห็นของ รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ต่อไต้หวันนั้น “ผิดทั้งหมด” พร้อมกล่าวหาวอชิงตันว่าพยายามใช้อำนาจครอบงำและยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้า และระบุว่าการกระทำของสหรัฐฯ กำลังทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
ถ้อยแถลงของออสตินเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนตึงเครียดขึ้นอีก เนื่องจากจีนเพิ่งปฏิเสธคำเชิญของออสตินที่เสนอให้มีการจัดประชุมทวิภาคีกับ รมว.กลาโหมของจีน นอกรอบการประชุมความมั่นคงที่สิงคโปร์ โดยอ้างถึงการที่สหรัฐฯ คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่และบริษัทของจีน
ในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันเสาร์ ออสตินยังได้กล่าวถึงการขาดการติดต่อสื่อสารระหว่างสองฝ่าย โดยกล่าวว่าเขากังวลอย่างยิ่งที่จีนไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมอย่างจริงจังมากขึ้นเกี่ยวกับกลไกในการจัดการวิกฤต
“สำหรับผู้นำที่มีความรับผิดชอบ เวลาที่เหมาะสมในการพูดคุยคือทุกเวลา เวลาที่เหมาะสมในการพูดคุยคือทุกเมื่อ และเวลาที่เหมาะสมในการพูดคุยคือเวลานี้” ออสตินกล่าว “การสนทนาแลกเปลี่ยนกันไม่ใช่การให้รางวัล มันคือสิ่งจำเป็น”
ออสตินเผยด้วยว่า เขาและ รมว.กลาโหมจีนยิ้มทักทายกันในงานเลี้ยงเมื่อคืนวันศุกร์ แต่แค่นั้นยังไม่พอ เขาเรียกร้องให้ปักกิ่งทำมากกว่านี้
“การจับมือทักทายอย่างจริงใจระหว่างมื้อค่ำไม่สามารถทดแทนการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังได้” เขากล่าว
ตลอดการปราศรัยของเขา ออสตินกล่าวถึงแนวทางที่สหรัฐฯ ร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค โดยกล่าวว่าความร่วมมือเหล่านั้นกำลังทำให้ภูมิภาคนี้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และทำให้ภูมิภาคนี้มีเสถียรภาพและยืดหยุ่นมากขึ้น
ออสตินยืนยันอีกครั้งว่า สหรัฐฯ จะ “ยืนหยัดเคียงข้างพันธมิตรและหุ้นส่วนของเราต่อไป” ในขณะที่พันธมิตรและหุ้นส่วนเหล่านี้พยายามรักษาสิทธิของตนเอง และสหรัฐฯ จะยังคงมีส่วนร่วมในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกอย่างเข้มแข็งและมีความรับผิดชอบ
นอกจากนี้ ออสตินยังวิจารณ์จีนเรื่องการสกัดกั้นเครื่องบินของสหรัฐฯ และพันธมิตรในน่านฟ้าสากล ซึ่งเป็นการกระทำที่อันตราย โดยออสตินกล่าวว่า สหรัฐฯ จะสนับสนุนพันธมิตรและหุ้นส่วนให้ต่อต้าน “การบีบบังคับและการกลั่นแกล้ง”
“เราไม่แสวงหาความขัดแย้งหรือการเผชิญหน้า” ออสตินกล่าว “แต่เราจะไม่ถอยหนีเมื่อเผชิญกับการกลั่นแกล้งหรือการบีบบังคับ”
พร้อมกันนี้ ออสตินยังย้ำถึงความพร้อมของสหรัฐฯ ในภูมิภาค
“วิธีที่คุณยับยั้งการตัดสินใจที่ผิดพลาดคือการมีกองทัพที่เชื่อถือได้ในการสู้รบ” เขากล่าวในการตอบคำถาม และเสริมว่าสหรัฐฯ “จะพร้อมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ถ้อยแถลงของออสตินทำให้หลายฝ่ายยิ่งจับตาท่าทีจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของจีน โดยหลี่ซ่างฝูมีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวที Shangri-La Forum ในเช้าวันอาทิตย์ (4 มิถุนายน)
“น่าสนใจว่า พล.อ. หลี่จะตอบโต้อย่างไรในวันพรุ่งนี้” ดรูว์ ทอมป์สัน นักวิจัยอาวุโสจาก Lee Kuan Yew School of Public Policy มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าว
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง: