จอร์จ กลาส (George Glass) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำญี่ปุ่น แสดงความคิดเห็นต่อความขัดแย้งจีน-ญี่ปุ่น จากกรณีวิวาทะ ‘ไต้หวัน’ ของ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงญี่ปุ่น โดยย้ำว่า สหรัฐฯ อยู่ข้างญี่ปุ่นเสมอ ชี้จีนกำลังใช้มาตรการ ‘ข่มขู่’ ทางเศรษฐกิจ หลังระงับนำเข้าอาหารทะเล และการฉายภาพยนตร์ญี่ปุ่นบางเรื่อง
เมื่อวานนี้ (20 พฤศจิกายน) กลาสให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว หลังพบกับ โทชิมิตสึ โมเตงิ (Toshimitsu Motegi) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ต่อความขัดแย้งจีน-ญี่ปุ่นล่าสุด จากกรณีทาคาอิจิตอบคำถามในรัฐสภาว่า ประเทศอาจต้องใช้กำลังช่วยเหลือไต้หวัน หากเผชิญสถานการณ์ที่ข้องเกี่ยวกับ ‘เรือรบ’ หรือ ‘การใช้กำลัง’ เพราะกระทบต่อการอยู่รอดของญี่ปุ่น (Survival-Threatening Situation)
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่นระบุว่า เขาอยู่สนับสนุนทาคาอิจิเสมอ โดยถ้อยแถลงอันยั่วยุ และมาตรการบีบบังคับทางเศรษฐกิจของจีน เป็นสิ่งที่ไม่ช่วยอะไร รวมถึงบ่อนทำลายเสถียรภาพของภูมิภาค
“นี่เป็นตัวอย่างคลาสสิกของการใช้มาตรการบีบบังคับทางเศรษฐกิจของจีน และผมอยากจะบอกโดยตรงในนามของประธานาธิบดี ในนามของตัวผมเอง และในนามของสถานทูต ว่า พวกเรายืนอยู่ข้างทาคาอิจิอย่างเต็มที่” กลาสกล่าว
กลาสยังระบุว่า การที่ เสวียเจี้ยน กงสุลใหญ่จีนประจำเมืองโอซากา โพสต์ข้อความบน X ซึ่งสื่อไปในทำนองว่า ทาคาอิจิควรถูกตัดศีรษะนั้นเป็นเรื่อง ‘อุกอาจ’ พร้อมกับทิ้งท้ายว่า เขาจะช่วยเหลือญี่ปุ่นในทุกทางเท่าที่จะทำได้
ก่อนหน้านี้ กลาสยังออกมาวิจารณ์กงสุลจีนประจำเมืองโอซากาอย่างเปิดเผยบน X ว่า “หน้ากากหลุดออกมาอีกแล้ว เดือนที่ผ่านมา เสวียเจี้ยนเพิ่งเปรียบเทียบอิสราเอลกับนาซีเยอรมนี แต่ตอนนี้ เขากลับข่มขู่ทาคาอิจิและคนญี่ปุ่น ถึงเวลาแล้วที่จีนต้องเป็นเพื่อนบ้านที่ดีจริงๆ เหมือนที่เคยพูดแล้วพูดอีก แต่ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
ทาคาอิจิถือเป็นผู้นำคนแรกในรอบหลายทศวรรษ ที่กล่าวถึงบทบาทของญี่ปุ่นกับวิกฤตไต้หวัน ทำให้จีนใช้มาตรการตอบโต้ทางการเมืองและเศรษฐกิจ คือ ออกคำเตือนให้พลเมืองเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น, ระงับการฉายภาพยนตร์ 6 เรื่อง และการนำเข้าอาหารทะเล
ภาพ: Kim Kyung-Hoon / Reuters
อ้างอิง:


