ผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านระบุว่า การปรากฏตัวของกองกำลังทหารสหรัฐฯ ในอ่าวเปอร์เซียถือเป็นเพียงเป้าหมายการโจมตีของอิหร่านเท่านั้น จากที่ในอดีตเคยเป็นภัยคุกคามของอิหร่านมาก่อน
สำนักข่าว ISNA ของอิหร่านรายงานอ้างคำพูดของพลเรือตรี ฮอสเซน คานซาดี ผู้บัญชาการกองทัพเรือ โดยระบุว่า “กองกำลังสหรัฐฯ จะต้องออกไปจากอ่าวอาหรับ เพราะการปรากฏตัวของชาวอเมริกันในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว และพวกเขาต้องไปจากภูมิภาคนี้”
พลเรือตรี คานซาดี กล่าวเสริมด้วยว่า หากชาวอเมริกันเคลื่อนไหว พวกเราจะโจมตีที่ศีรษะอย่างแม่นยำ
ขณะที่ อามิราลี ฮาจิซาเดะห์ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศอิหร่าน ระบุว่า “เรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ซึ่งมีเครื่องบินอย่างน้อย 40-50 ลำ และทหาร 6,000 คนประจำการอยู่บนนั้น เคยเป็นภัยคุกคามของเรามาก่อนในอดีต แต่ปัจจุบันมันเป็นเพียงเป้าหมาย โดยภัยคุกคามเหล่านั้นได้กลายมาเป็นโอกาสของอิหร่าน”
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพสหรัฐฯ ได้ส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี ยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น พร้อมด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-52 ไปยังตะวันออกกลาง เพื่อข่มขู่อิหร่าน หลังได้รับข่าวกรองว่าอิหร่านอาจกำลังเตรียมการโจมตีทหารสหรัฐฯ ในภูมิภาคดังกล่าว
ด้านไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ยืนยันผ่านรายการโทรทัศน์ CNBC ซึ่งจะออกอากาศในวันจันทร์ว่า การส่งกองกำลังทหารไปยังตะวันออกกลางนั้น เป็นการตอบสนองต่อข่าวกรองเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการโจมตีของอิหร่าน ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้มีจุดประสงค์เพื่อขัดขวางพวกเขา ขณะเดียวกันก็เตรียมความพร้อมตอบโต้ด้วยหากจำเป็น
นอกจากมาตรการทางทหารแล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังกดดันอิหร่านด้วยมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยพุ่งเป้าไปที่การตัดช่องทางการส่งออกน้ำมันทั้งหมด เพื่อบีบให้อิหร่านหยุดยั้งการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ตลอดจนยุติการส่งกำลังทหารและยุทโธปกรณ์เข้าไปสนับสนุนสงครามตัวแทนในซีเรีย อิรัก เยเมน และเลบานอน
ภาพ: Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: