หากใครที่ติดตามวงการคริปโตเคอร์เรนซี หรือข่าวสารการเงินดิจิทัล คงเคยเห็นหน้าค่าตาของ พีท พีรเดช ตันเรืองพร ผู้บริหารหนุ่มใส่แว่นที่มักมาในลุคสูท แต่ให้บรรยากาศสบายๆ เข้าถึงง่ายอยู่เสมอ โดยเขามักแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ในแวดวงการเงินดิจิทัล ด้วยพ่วงในฐานะประธานสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย หรือ TDO และอีกบทบาทหนึ่งก็ยังสวมหมวกเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ Upbit Thailand แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลอันดับ 1 จากเกาหลีใต้
การก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารในวัยหนุ่มและสวมหมวกหลายบทบาท ทำให้เขาเป็นที่น่าจับตามองในฐานะคลื่นลูกใหม่ที่เก่งกาจ วันนี้ THE STANDARD ชวนคุณไปถอดบทเรียนพร้อมกับเรา ผ่านบทสัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟของ ‘พีท-พีรเดช ตันเรืองพร’ และ 5 คีย์เวิร์ดสำคัญที่เจ้าตัวบอกว่ายึดเป็นแก่นแกนในการทำงานเสมอมา
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- ก่อนจะ To the moon ต้องเข้าใจเรื่องความปลอดภัย Upbit Thailand ใช้เครื่องมืออะไรเพื่อดูแลทรัพย์สินของลูกค้าบนกระดาน Exchange ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
- 4 เหตุผล กับการตอบคำถามว่า ทำไม Upbit ถึงเป็น Exchange คุณภาพและเชื่อถือได้ของเหล่านักเทรด
- Upbit แท็กทีม Ragnarok Labyrinth: NFT กระดานซื้อขายหนึ่งเดียวที่เปลี่ยน ONIT เป็นเงินบาทได้ในคลิกเดียว
Key 1
Be Curious
จงกระหายใคร่รู้อยู่เสมอ
“บางครั้ง Passion จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเราลองลงมือทำดูแล้ว ถ้าไม่ลองทำเราอาจไม่รู้ว่าเราจะมี Passion กับมันไหม เพราะฉะนั้นการคว้าโอกาสจึงเป็นสิ่งสำคัญ
“ขอเล่าย้อนกลับไปช่วงปี 2014 ตอนนั้นผมไม่ได้จบสายคอมมา แต่อยากหัดเขียนโปรแกรมมากๆ เรารู้สึกว่าสามารถอยู่กับมันได้หลายชั่วโมงโดยไม่รู้สึกเบื่อเลย ตอนนั้นผมมีงานประจำอยู่แล้ว ก็เลยแบ่งเวลาช่วงดึกมาเรียนการเขียนโปรแกรม จนกระทั่งวันหนึ่งเราเปิดคอมแล้วเห็นข่าว อัลฟาโกะ ชนะเซียนหมากล้อมจีนเบอร์ 1 ของโลก ข่าวนั้นเปลี่ยนชีวิตผมเลยนะ อัลฟาโกะเป็นปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ทำไมถึงชนะคนได้ล่ะ? ในใจตอนนั้นคือ เฮ้ย! ไม่ได้แล้ว เรารู้สึกว่ายอมไม่ได้ ต้องรู้ให้ได้ว่า AI ทำงานอย่างไร ผมจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำแล้วหันมาศึกษาด้านการเขียนโปรแกรมอย่างจริงจัง หลายคนบอกว่าผมหุนหันพลันแล่น แต่ผมว่าผมคิดถูกแล้วเมื่อย้อนกลับไป
“ผมมองว่าคนเรามี Passion ได้หลายอย่าง มีอยู่ช่วงหนึ่งผมก็มี Passion ว่าจะแก้ไขปัญหารถติดใน กทม. อย่างไรได้บ้าง เลยศึกษาจริงจังอยู่ช่วงหนึ่ง อารมณ์อยากเขียนโปรแกรมแก้ไขปัญหารถติดแล้วเอาไปนำเสนอเลย หรือบางครั้งเราอาจจะสนใจอะไรมากๆ แต่พอได้ลองทำแล้วมารู้ว่าไม่ใช่ ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมมองว่าบางครั้ง Passion จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราลองลงมือทำดูแล้ว ถ้าไม่ลองทำเราอาจไม่รู้ว่าเราจะมี Passion กับมันไหม เพราะฉะนั้นการคว้าโอกาสจึงเป็นสิ่งสำคัญ”
Key 2
Try to Minimize Regret
เลือกหนทางที่เสียใจน้อยที่สุด แต่ต้องไม่ลืมความเสี่ยง
“ผมชอบหลักคิดหนึ่งของ เจฟฟ์ เบโซส์ เจ้าของธุรกิจ Amazon มาก หลักนี้มีชื่อว่า ‘The Regret Minimization Framework’ แนวคิดคือ การถามตัวเองว่า ‘เราจะเสียใจไหมหากไม่ได้เลือกทำ’ พูดง่ายๆ คือให้เราพิจารณาเลือกหนทางที่จะทำให้เราเสียใจน้อยที่สุดเมื่อมองย้อนกลับไป เหมือนอย่างที่หลายคนพูดกันว่า ‘เสียใจที่ทำไม่ได้ ยังดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ’ ซึ่งเวลาคิดทำการใหญ่อะไรสักอย่าง ผมจะยึดเอาหลักนี้มาคิดเสมอ ถ้าพิจารณาแล้วโอเค ก็ลุยเลย! (หัวเราะ) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอย่าลืมพิจารณาถึงความเสี่ยงมาประกอบด้วยว่ามันอันตรายเกินหรือเปล่า
“อย่างเช่นครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เพื่อนผมชวนไปทำงานในอุตสาหกรรมซีรีส์วาย ตอนนั้นเห็นว่าในไทยยังไม่มีอะไรแบบนี้มาก่อนเลย และคอนเซปต์มันเจ๋งมาก แต่พอได้ลองเข้าไปทำจริงๆ ผมพบว่าเราอาจจะไม่เหมาะกับงานด้านนี้จริงๆ ซึ่งถ้าถามว่าเสียเวลาไหม ผมว่าไม่เลย ผมคิดว่าคุ้มด้วยซ้ำที่ได้ลองค้นหาตัวเองในมุมใหม่ๆ”
Key 3
Be a Problem Solver
ต้องเป็นนักแก้ปัญหา ไม่ใช่แค่หัวหน้าทีม
“ตอนที่บริษัทต้องเริ่มให้บริการลูกค้า เรามีความรู้สึกแนว Imposter Syndrome กับตำแหน่ง CEO ของ Upbit Thailand เลยนะ อารมณ์ไม่แน่ใจเลยว่าตนเองเหมาะสมหรือพร้อมจริงๆ หรือเปล่า (หัวเราะ) ยิ่งเป็นอุตสาหกรรมที่แปลกใหม่ด้วย ยิ่งยากเลย แต่ฝั่งกรรมการเขาเชื่อใจในตัวเรา เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด หลังจากที่ได้คลุกคลีกับเพื่อนร่วมงานแผนกต่างๆ ได้ช่วยกันแก้ปัญหาหลายอย่างมากขึ้น ก็พบว่าเออ…จริงๆ แล้วความรู้ที่เรามีนั้นมากพอที่จะช่วยขับเคลื่อนบริษัทให้เติบโตขึ้นไปได้ อันที่จริงหลังจากล้มลุกคลุกคลานด้วยกันมาสักพัก ผมเรียนรู้อะไรจากเพื่อนร่วมงานและข้อผิดพลาดตัวเองเยอะมาก ได้ลองอะไรใหม่ๆ จนตอนนี้เรามั่นใจในศักยภาพของตัวเอง
“ผมมองว่า ‘การบริหารคือศิลปะ’ บริษัทที่ต่างกันย่อมต้องการการบริหารที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับบริบทในที่นั้นๆ ฉะนั้น เราควรวิเคราะห์สถานการณ์และทรัพย์ยากรที่เรามีดีๆ และเลือกวิธีจัดการที่เหมาะสม สุดท้ายแล้วผมไม่คิดว่ามันมี Magic Bullet ที่เหมาะสมสำหรับทุกสถานการณ์ เราต้องสังเกต วิเคราะห์ หาหนทางที่เหมาะสมไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
“Upbit ตอบโจทย์ผมในหลายๆ อย่าง ผมรู้จักคริปโตมาตั้งแต่ปี 2012 โลกของคริปโตมีอะไรเกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลา การเข้ามาเป็น CEO ของ Upbit Thailand ก็ยิ่งทำให้ผมเห็นเส้นทางชัดเจนเข้าไปอีกว่า อุตสาหกรรมนี้สามารถก้าวไปได้อีกไกลมาก โดยก่อนนำ Upbit เข้ามาในประเทศไทย เราศึกษาแพลตฟอร์มกันเยอะมาก Upbit เป็นบริการภายใต้บริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีชื่อ Dunamu ซึ่งเคยทำแอปพลิเคชันเทรดหุ้นและให้บริการด้าน Fintech มาก่อน และได้รับความนิยมมากในเกาหลี ปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 90% ที่สำคัญปลอดภัยและเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมาก เราจึงมั่นใจที่จะนำมาเปิดในไทยด้วยเช่นกัน ปัจจุบันนี้แนวทางของ Upbit Thailand เริ่มชัดเจนมากขึ้น ซึ่งสำหรับผม มันก็น่าสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ”
Key 4
Be Straightforward
ความตรงไปตรงมาเป็นสิ่งสำคัญ
“ในการทำงาน เป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องวิจารณ์หรือติชมงานของเพื่อนร่วมงาน ซึ่งรูปแบบการบริหารที่ผมใช้คือ ‘Straightforward’ หรือ ‘ความตรงไปตรงมา’ แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าผมพูดจาขวานผ่าซากหรือพยายามหักหน้าใครนะ (หัวเราะ) สำหรับผม Straightforward หรือการพูดตรงไปตรงมา ต้องเป็นการพูดให้ถูกจุด ถูกประเด็น ด้วยพื้นฐานของการเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราอาจต้องหาจังหวะและช่วงเวลาพูดให้ถูกต้อง อาจเป็นแบบ 1 ต่อ 1 หรือกลุ่มเล็กๆ ไม่มีใครอยากโดนว่าต่อหน้าคนอื่นหรอกครับ
“ฉะนั้น การบริหารแบบ Get to the point ด้วยความจริงใจและอยู่บนพื้นฐานของการให้เกียรติ ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีและสำคัญมากในการพัฒนางาน เวลาเราวิจารณ์อะไรคือเราหวังดี และเราก็รับฟังอีกฝ่ายด้วย เราต้องการให้งานออกมาดี และเราต้องการให้เพื่อนร่วมงานของเราพัฒนา เพื่อบรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด”
Key 5
No Airs and Graces
ทำงานด้วยกัน ลดพิธีรีตองบ้างก็ได้
“สำหรับคีย์ข้อสุดท้ายของผมคือ ‘No airs and graces’ พูดง่ายๆ คือ ลดพิธีรีตองบ้างในการทำงาน ผมมองว่าเพื่อนร่วมงานคือ ‘เพื่อน’ ที่เราร่วมงานกัน ทุกคนมีจุดประสงค์หลักคือการบรรลุเป้าหมายในการทำงานเช่นกัน การให้เกียรติกันจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก อย่างเช่น เวลาเรามีประชุมกัน ผมไม่อยากให้มีพิธีรีตองอะไรก่อนประชุมมากเพื่อประกาศตัวว่าผมเป็น CEO นะ ผมถือว่าเวลาของทุกคนมีค่า และผมอยากให้เราทุกคนทำงานร่วมกันได้โดยมีสิทธิ์ในการวิจารณ์หรือฟีดแบ็กกันและกันว่าอะไรดี อะไรไม่ดี โดยไม่ต้องมีกำแพงของตำแหน่งมากั้น
“สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อวัฒนธรรมองค์กรเช่นกัน ไม่ว่าจะในแง่ของสภาพแวดล้อมที่ทุกคนสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องงานไปจนถึงการปาร์ตี้สังสรรค์ ซึ่งที่ Upbit เราจัดปาร์ตี้กันทุกไตรมาส เพื่อเป็นการละลายพฤติกรรม และเฉลิมฉลองให้กับความทุ่มเทของเพื่อนร่วมงานทุกคน”
หลังการสัมภาษณ์มาอย่างยาวนาน ก่อนจากกันคุณพีทยังทิ้งทวนเรื่องโอกาสว่า โอกาสเป็นสิ่งสำคัญจริง แต่ไม่จำเป็นต้องคว้าไว้ทั้งหมด
“อย่างที่พูดไปครับว่า ‘โอกาส’ เป็นสิ่งสำคัญ แต่คุณไม่จำเป็นต้องคว้าเอาไว้ทุกโอกาส ผมอยากให้คุณถามตัวเองดูก่อนว่า ‘ถ้าเลือกที่จะไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ ตัวคุณในอีก 20 ปี (หรือจะ 30-40 ปีก็ได้) มองย้อนกลับมา…จะเสียใจไหม?’ เอาแค่นั้นพอ อย่ากังวลเรื่องอายุ เพราะโอกาสคือการเรียนรู้ชนิดหนึ่ง มนุษย์เราเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต ถ้าพิจารณาแล้วใจบอกว่า ใช่ อยากลุย…ก็ลุยเลย เชื่อมั่นในตนเอง!”
สำหรับใครที่สนใจอยากดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือเปิดบัญชีเพื่อซื้อขายเหรียญดิจิทัลกับ Upbit สามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://upbit.one/7u03/thestandard5
ภาพ: UpbitThailand