ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ประกาศเร่งเครื่องเต็มอัตราในการเดินหน้าแจกจ่ายวัคซีนให้แก่พลเรือนชาวอเมริกันทั่วประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเดินทางก็เริ่มส่งสัญญาณบวก แสดงให้เห็นการฟื้นตัวกันบ้างแล้ว
ล่าสุด ข้อมูลตัวเลขจำนวนผู้โดยสารของทางสนามบินต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ พบว่า มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา จำนวนผู้โดยสารของสนามบินในสหรัฐฯ มีปริมาณมากที่สุดในรอบ 1 ปี
ข้อมูลจากสำนักงานความปลอดภัยด้านการคมนาคม (Transportation Safety Administration) ระบุว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามีนักเดินทางเช็กอินสนามบินในสหรัฐฯ มากกว่า 1.35 ล้านคน ซึ่งถือได้ว่ามากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นการฟื้นตัวในอุตสาหกรรมการบินของประเทศที่ต้องหยุดชะงักไปเพราะวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ปริมาณของนักเดินทางดังกล่าวก็ยังถือว่าน้อย หรือเกือบครึ่งของตัวเลขนักเดินทางยามปกติในช่วงเดือนมีนาคมของปีก่อนๆ
ขณะที่สถิติสูงสุดเดิมที่มีนักเดินทางมากสุดในช่วงโควิด-19 ระบาดก็คือวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ที่พบว่ามีนักเดินทางออกมาใช้บริการสนามบินมากถึง 1.33 ล้านคน ส่วนตัวเลขผู้โดยสารในระดับต่ำสุดทุบสถิติอยู่ที่ 87,534 คน เมื่อวันที่ 14 เมษายนปีที่แล้ว
ข่าวดีของตัวเลขนักเดินทางที่เพิ่มขึ้นทุบสถิติยังมีขึ้นในวันเดียวกันกับที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) เปิดเผยว่า มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มากกว่า 133 ล้านโดสทั่วสหรัฐฯ แล้วเมื่อวันที่ 12 มีนาคม โดยในปัจจุบันมีชาวอเมริกันราว 35 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ขณะที่เกือบ 66 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแล้วอย่างน้อย 1 โดส
ก่อนหน้านี้ ไบเดนได้ออกขึ้นกล่าวสุนทรพจน์หลังรับรองอนุมัติผ่านร่างกฎหมายเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ ระบุชัดว่าจะสั่งการให้ทุกรัฐ ชาติพันธุ์ และดินแดนต่างๆ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับผู้ใหญ่ชาวอเมริกันภายในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ โดยคาดหวังว่าสถานการณ์ในสหรัฐฯ จะกลับคืนสู่ภาวะปกติภายในวันที่ 4 กรกฎาคมซึ่งเป็นวันชาติของสหรัฐฯ เพื่อให้ประชาชนและครอบครัวชาวอเมริกันสามารถรวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองวันชาติของสหรัฐได้ฯ
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: