วานนี้ (30 มีนาคม) ทางการสหรัฐอเมริกามีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทางการทูตบางส่วน เดินทางออกจากเมียนมา เนื่องด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัยและความมั่นคงของพลเมืองสหรัฐฯ หลังกองทัพเมียนมายังคงเดินหน้าใช้กำลังความรุนแรงปราบปรามประชาชน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สื่อท้องถิ่นระบุ มียอดผู้เสียชีวิตรวมแล้วราว 500 ราย นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่กองทัพเมียนมาก่อการรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือน โดยทางการสหรัฐฯ เริ่มเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ทางการทูต รวมถึงผู้ติดตามในเมียนมา สามารถเดินทางกลับประเทศได้โดยสมัครใจ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อีกทั้งยังเน้นย้ำว่า คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นเนื่องจากทางการสหรัฐฯ คำนึงถึงความปลอดภัยของพลเมืองและความมั่นคงของสหรัฐฯ เป็นสำคัญ ซึ่งจะพิจารณาคำสั่งเพิ่มจำนวนผู้เดินทางกลับอีกภายใน 30 วัน หากสถานการณ์ภายในเมียนมายังคงรุนแรงและตึงเครียด ที่ผ่านมาทางการสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร รวมถึงสหภาพยุโรป และประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ ในประชาคมโลก ต่างร่วมกันดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อกองทัพเมียนมาที่ประหัตประหารชีวิตพลเรือนผู้บริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก แต่ดูเหมือนจะยังไม่ประสบความสำเร็จ และไม่ได้สร้างแรงกดดันให้กองทัพเมียนมาได้มากเท่าที่ตั้งใจไว้
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- นักวิชาการคาด เมียนมาอาจเข้าใกล้สถานะ ‘รัฐล้มเหลว’ ขณะที่กองทัพพยายามปกครองประเทศด้วยความหวาดกลัว อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/myanmar-is-on-the-brink-of-becoming-a-failed-state-says-expert-from-think-tank/
- ชาวกะเหรี่ยงหนีตายกว่า 10,000 ราย หลังกองทัพโจมตีทางอากาศบางส่วนอพยพเข้าไทย รัฐบาลไทยปฏิเสธเรื่องดันกลับเมียนมา อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/10000-karens-escaped-from-myanmar/
- ขบวนการอารยะขัดขืนเมียนมา ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ประจำปี 2022 อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/myanmars-striking-civil-servants-nominated-nobel-peace-prize/
ภาพ: STR / AFP
อ้างอิง:
