องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) อนุมัติการใช้งานวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัท Pfizer และ BioNTech ในกรณีฉุกเฉิน โดยถือเป็นวัคซีนโควิด-19 ตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ Pfizer เปิดเผยผลทดลองวัคซีนพบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้สูงถึง 95%
หลังจากนี้ทาง FDA จำเป็นต้องแจ้งต่อศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดของสหรัฐฯ หรือ CDC และโครงการ Operation Warp Speed ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนการพัฒนาและแจกจ่ายวัคซีนของรัฐบาล ก่อนที่จะดำเนินการแจกจ่ายวัคซีนไปทั่วประเทศในเร็วๆ นี้ เพื่อที่จะสามารถเริ่มต้นการให้วัคซีนแก่ประชาชนในกลุ่มเสี่ยงสูงสุดได้โดยเร็ว ซึ่ง อเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า อาจเริ่มการให้วัคซีนได้ในวันจันทร์หรือวันอังคาร
ทั้งนี้การอนุมัติใช้งานวัคซีนกรณีฉุกเฉินดังกล่าวยังไม่ใช่การอนุมัติใช้วัคซีนเต็มรูปแบบ ซึ่งหลังจากนี้ Pfizer จะต้องยื่นขออนุมัติการใช้งานวัคซีนเต็มรูปแบบจาก FDA อีกครั้ง
“การอนุมัติของ FDA สำหรับการใช้งานวัคซีนโควิด-19 ในกรณีฉุกเฉินเป็นครั้งแรกนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการต่อสู้กับโรคระบาดร้ายแรงนี้ หลังจากโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อครอบครัวจำนวนมากในสหรัฐฯ และทั่วโลก” สตีเฟน ฮาห์น กรรมาธิการของ FDA กล่าว และยืนยันว่าการอนุมัติใช้งานวัคซีนฉุกเฉินครั้งนี้ผ่านการตรวจสอบอย่างโปร่งใส ซึ่งรวมข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และสาธารณสุข ตลอดจนการประเมินอย่างละเอียดจากทีมนักวิทยาศาสตร์ของหน่วยงาน เพื่อให้แน่ใจว่าวัคซีนนั้นผ่านมาตรฐานที่เข้มงวดของ FDA ทั้งในด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และคุณภาพในการผลิตวัคซีน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ FDA เผชิญแรงกดดันจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้อนุมัติการใช้งานวัคซีนโดยเร็ว ซึ่งสื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ รายงานว่า ฮาห์นถูกขู่ให้อนุมัติการใช้งานวัคซีนภายในวันศุกร์ (11 ธันวาคม) ที่ผ่านมา แต่ฮาห์นยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นจริง
ซึ่งการอนุมัติใช้งานวัคซีน มีขึ้นหลังคณะผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาให้คำแนะนำต่อ FDA ในการอนุมัติใช้งานวัคซีนของ Pfizer และ BioNtech ในกรณีฉุกเฉิน
สำหรับสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ ตอนนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมสูงกว่า 16 ล้านราย และเสียชีวิตไปกว่า 300,000 ราย ซึ่งเป็นไปได้ว่าการอนุมัติใช้วัคซีนครั้งนี้อาจมีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนสูงถึง 20 ล้านคน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: