วันนี้ (30 พฤษภาคม) เพจเฟซบุ๊ก UNICEF Thailand โพสต์ข้อความระบุว่า ข่าวการทารุณกรรมเด็กในสถานสงเคราะห์ครั้งล่าสุดที่จังหวัดสระบุรีเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจและไม่ควรที่จะเกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เหตุการณ์ทำนองนี้ ไม่ว่าจะเป็นการที่เด็กถูกทำร้าย ถูกทอดทิ้ง และถูกลืม เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคมไทย
ในประเทศไทยมีเด็กกว่า 120,000 คนอาศัยอยู่นอกบ้านในสถานรองรับต่างๆ ทั่วประเทศ เช่น สถานสงเคราะห์ของรัฐและเอกชน โรงเรียนประจำ และวัด มีหลักฐานที่พิสูจน์ให้เห็นว่าเด็กที่เติบโตในสถานรองรับมักมีความเสี่ยงสูงกว่าที่จะถูกทำร้าย และต้องเผชิญผลกระทบเชิงลบทั้งทางร่างกายและจิตใจเมื่อพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ โดยสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือการไม่มีกลไกในการกำกับติดตามความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของเด็กๆ ในสถานรองรับ
เด็กทุกคนควรได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่ ถึงเวลาแล้วที่ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง
ยูนิเซฟขอเรียกร้องให้
- สถานรองรับเป็นทางเลือกสุดท้ายในการดูแลเด็ก จากการศึกษาพบว่าเด็กๆ เติบโตได้ดีกว่าในสภาพแวดล้อมแบบครอบครัว เพราะพวกเขาจะได้รับความรัก ความเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดมากกว่าการอยู่ในสถานรองรับ
- มุ่งเน้นให้เด็กได้อยู่ภายใต้การดูแลแบบครอบครัว ที่มีหลักฐานสนับสนุนว่าจะทำให้เด็กมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
- มีการประสานงานกันระหว่างองค์กรภาครัฐ รวมถึงกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อให้มีการกำกับดูแลสถานรองรับประเภทต่างๆ รวมถึงสถานสงเคราะห์ โรงเรียนประจำ และวัด ผ่านระบบการขึ้นทะเบียนและการกำหนดมาตรฐาน
- รัฐต้องจัดให้มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการกำกับดูแลสถานรองรับเด็กทุกแห่งทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นของรัฐและเอกชน เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กๆ มีความปลอดภัย ได้อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ได้รับการปกป้องคุ้มครอง รวมทั้งได้เรียนรู้และได้รับการกระตุ้นพัฒนาการอย่างเต็มที่
อ้างอิง: เฟซบุ๊ก UNICEF Thailand