×

UNHCR เผย ปี 2563 ผู้ลี้ภัยทั่วโลกถูกบังคับให้พลัดถิ่นพุ่ง 82.4 ล้านคน เด็กเกือบล้านคนเกิดในสถานะผู้ลี้ภัย

โดย THE STANDARD TEAM
20.06.2021
  • LOADING...
UNHCR

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เรียกร้องผู้นำทั่วโลกวันนี้ให้เร่งความพยายามในการสร้างสันติภาพ ความมั่นคง และความร่วมมือ เพื่อหยุดและลดแนวโน้มการพลัดถิ่นจากความรุนแรงและการประหัตประหารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเกือบทศวรรษ

 

แม้จะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่จำนวนผู้ที่ถูกบังคับให้หนีจากสงคราม การประหัตประหาร และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในปี 2020 กลับพุ่งสูงขึ้นเกือบ 82.4 ล้านคนตามรายงานแนวโน้มประจำปีของ UNHCR ที่เผยแพร่ในนครเจนีวาเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ซึ่งเพิ่มสูงถึงร้อยละ 4 จากสถิติที่สูงในประวัติการณ์ 79.5 ล้านคนเมื่อปลายปี 2019

 

รายงานระบุว่า เมื่อปลายปี 2020 มีผู้ลี้ภัยจำนวน 20.7 ล้านคนอยู่ในความห่วงใยของ UNHCR อีก 5.7 ล้านคนเป็นผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ และชาวเวเนซุเอลาอีก 3.9 ล้านคนที่ต้องพลัดถิ่นอยู่ในต่างประเทศ นอกจากนั้นยังมีผู้พลัดถิ่นภายในประเทศอีก 48 ล้านคน และมีผู้ขอลี้ภัยอีกกว่า 4.1 ล้านคน จำนวนผู้คนเหล่านี้บ่งบอกว่า แม้จะมีการแพร่ระบาดของโรคภัยและการเจรจาขอหยุดยิง ความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป และขับไล่ให้ผู้คนต้องออกจากบ้านเกิดตนเอง

 

“เบื้องหลังตัวเลขเหล่านี้คือชีวิตจริงของมนุษย์ที่ถูกบังคับให้หนีออกจากบ้าน และเรื่องราวของการพลัดถิ่น การโดนริดรอน และความทุกข์ทรมาน พวกเขาต้องการความเมตตาและความช่วยเหลือจากพวกเรา ไม่ใช่แค่ทางด้านมนุษยธรรม แต่ยังรวมถึงการหาทางออกสำหรับความทุกข์ยากนี้“

 

“อนุสัญญาปี 1951 ว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัยและข้อตกลงโลกว่าด้วยเรื่องผู้ลี้ภัย ได้วางกรอบกฎหมายและแนวทางรับมือต่อการพลัดถิ่นไว้แล้ว เรายังต้องการการขับเคลื่อนเจตจำนงทางการเมืองที่มากขึ้น เพื่อจัดการกับความขัดแย้งและการประหัตประหารที่เป็นต้นเหตุของการบังคับให้ผู้คนต้องหนีออกจากบ้านเกิด” ฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติกล่าว

 

เด็กหญิงและเด็กชายอายุต่ำกว่า 18 ปี คือร้อยละ 42 ของจำนวนผู้ที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่นทั้งหมด พวกเขามีความเปราะบางมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในวิกฤตที่เกิดขึ้นยาวนานหลายปี การประเมินล่าสุดของ UNHCR ระบุว่ามีเด็กเกือบ 1 ล้านคนที่เกิดในสถานะผู้ลี้ภัยระหว่าง ปี 2018-2020 และหลายคนต้องตกอยู่ในสถานะผู้ลี้ภัยต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี

 

“เรื่องน่าเศร้าของเด็กเหล่านี้ที่ต้องลืมตามองโลกท่ามกลางการลี้ภัยน่าจะมีเหตุผลมากพอให้เราพยายามกันมากขึ้น เพื่อป้องกันและยุติความขัดแย้งและความรุนแรง” กรันดีกล่าว

 

รายงานยังระบุอีกว่า ในช่วงที่การแพร่ระบาดอยู่ในจุดสูงสุด มากกว่า 160 ประเทศต่างปิดชายแดน โดยที่รัฐ 99 แห่ง ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับบุคคลที่แสวงหาความคุ้มครอง แต่หลังมีการผ่อนปรนมาตรการ เช่น การตรวจคัดกรองโรคบริเวณชายแดน การใช้ใบรับรองสุขภาพหรือการกักตัวชั่วคราวเมื่อมาถึง ขั้นตอนการลงทะเบียนที่ไม่ซับซ้อน และการสัมภาษณ์จากทางไกล หลายประเทศได้ค้นพบแนวทางการเข้าถึงการขอลี้ภัยโดยที่ยังสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้

 

ขณะที่ผู้คนยังถูกบังคับให้หนีข้ามชายแดน อีกหลายล้านคนต้องพลัดถิ่นอยู่ในประเทศ โดยส่วนมากเป็นผลจากวิกฤตในประเทศเอธิโอเปีย ซูดาน กลุ่ม​ประเทศซาเฮล โมซัมบิก เยเมน อัฟกานิสถาน และจากโคลอมเบีย ที่จำนวนผู้พลัดถิ่นภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 2.3 ล้านคน

 

ตลอดปี 2020 มีผู้พลัดถิ่นภายในประเทศประมาณ 3.2 ล้านคน และมีผู้ลี้ภัยเพียง 251,000 คนเท่านั้นที่ได้เดินทางกลับมาตุภูมิโดยความสมัครใจ ซึ่งจำนวนลดลงถึงร้อยละ 40 และ 21 ตามลำดับเมื่อเทียบกับปี 2019 ผู้ลี้ภัยอีก 33,800 คน ยังคงรอสถานะอยู่ในประเทศที่ขอลี้ภัย 

 

ส่วนการย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศที่สามของผู้ลี้ภัยนั้นลดลงอย่างน่าใจหาย โดยมีผู้ลี้ภัยเพียง 34,400 คนที่ได้ย้ายถิ่นฐานในปีที่ผ่านมา ถือเป็นสถิติที่ต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากจำนวนประเทศที่สามารถเปิดรับการย้ายถิ่นฐานได้และสถานการณ์ของโรคโควิด-19

 

“ทางออกต่างๆ นั้นต้องการผู้นำระดับโลกและบุคคลที่สามารถช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามความแตกต่าง ยุติการเมืองแบบอัตนิยม และหันมาให้ความสำคัญกับการป้องกัน แก้ไขความขัดแย้ง และสร้างความแน่ใจต่อการเคารพสิทธิมนุษยชน” กรันดีกล่าว

 

ข้อมูลสำคัญจากรายงานแนวโน้มประจำปีของ UNHCR ปี 2020

 

  • ผู้ถูกบังคับให้พลัดถิ่น 82.4 ล้านคนทั่วโลก (จาก 79.5 ล้านคนในปี 2019) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ได้แก่ 

 

  1. ผู้ลี้ภัย 26.4 ล้านคน (จาก 26 ล้านคนในปี 2019) แบ่งเป็น

 

  • ผู้ลี้ภัย 20.7 ล้านคนในความห่วงใยของ UNHCR (จาก 4 ล้านคนในปี 2019)
  • ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ 5.7 ล้านคนในความห่วงใยของหน่วยงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ใน​ตะวันออกใกล้ (UNRWA)

 

  1. ผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ 48 ล้านคน (จาก 7 ล้านคนในปี 2019)

 

  • ผู้ขอลี้ภัย 4.1 ล้านคน (4.1 ล้านคนในปี 2019)

 

  • ผู้พลัดถิ่นชาวเวเนซุเอลา 3.9 ล้านคน (จาก 3.6 ล้านคนในปี 2019)

 

  • ปี 2020 เป็นปีที่ 9 ติดต่อกันแล้วที่การพลัดถิ่นทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันร้อยละ 1 ของมวลมนุษยชาติกำลังพลัดถิ่น และมีผู้ถูกบังคับให้พลัดถิ่นเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2011 ที่มีผู้พลัดถิ่นไม่ถึง 40 ล้านคน

 

  • มากกว่า 2 ใน 3 ของผู้ที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่นออกนอกประเทศ มาจาก 5 ประเทศหลัก คือ ซีเรีย (6.7 ล้านคน), เวเนซุเอลา (4 ล้านคน), อัฟกานิสถาน (2.6 ล้านคน), ซูดานใต้ (2.2 ล้านคน) และเมียนมา (1.1 ล้านคน)

 

  • ผู้ลี้ภัยทั่วโลกส่วนมากเกือบถึง 9 ใน 10 (ร้อยละ 8.6) ได้รับที่พักพิงในประเทศเพื่อนบ้านของพื้นที่ที่มีวิกฤต และเป็นประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง ประเทศที่ได้รับการพัฒนาน้อยที่สุดได้มอบที่ลี้ภัยถึงร้อยละ 27 แก่ผู้ลี้ภัยทั่วโลก

 

  • เป็นเวลา 7 ปีติดต่อกันที่ตุรกียังคงเป็นประเทศที่มอบที่พักพิงแก่ประชากรผู้ลี้ภัยมากที่สุดในโลก (3.7 ล้านคน) ตามมาด้วยประเทศโคลอมเบีย (1.7 ล้านคน รวมถึงชาวเวเนซุเอลาที่พลัดถิ่นอยู่ในต่างประเทศ) ปากีสถาน (1.4 ล้านคน) และเยอรมนี (1.2 ล้านคน)

 

  • คำร้องขอลี้ภัยทั่วโลกที่ยังคงรอสถานะอยู่ มีจำนวนพอกับในปี 2019 (4.1 ล้านคำร้อง) ในขณะที่รัฐต่างๆ และ UNHCR ได้ร่วมกันลงทะเบียนผู้ขอลี้ภัยได้เพียง 1.3 ล้านคำร้อง ซึ่งน้อยกว่าในปี 2019 ถึง 1 ล้านคำร้อง (น้อยกว่าร้อยละ 43)

 

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X