×

สวยแค่ไหนใส่ชุดยูนิฟอร์มก็ดับ จะทำอย่างไรดีคะ

29.08.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • หน้าที่ของยูนิฟอร์มคือหลอมรวมทุกคนเป็นทีมเดียวกันหมด เป็นการบ่งบอกว่าเราเป็นใคร พ่วงด้วยการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร ถ้าทุกคนแต่งตัวเรียบร้อย ใครมาเห็นก็สบายตา สมมติเป็นพนักงานธนาคาร ลูกค้าเข้ามาธนาคารแล้วเจอคนแต่งตัวน่าเชื่อถือก็คงมั่นใจในธนาคารมากขึ้น เพราะฉะนั้น การใส่ยูนิฟอร์มมันก็มีเหตุผลของมันอยู่
  • แนะนำว่าลองสะท้อนความรู้สึกนี้ให้องค์กรฟัง อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ถ้ามันทำให้พนักงานรู้สึกภูมิใจในองค์กร มั่นใจที่จะทำงาน และรู้สึกอยากจะทำงานด้วยความสุข องค์กรก็ได้ประโยชน์ไปด้วยเหมือนกัน หรือหากสามารถเก็บคอมเมนต์ที่คนทั้งภายในและภายนอกพูดถึงความรู้สึกที่มีต่อยูนิฟอร์มมาได้และเอาไปบอกต่อ ก็น่าจะทำให้ผู้ใหญ่รู้สึกได้ว่าภาพลักษณ์องค์กรกำลังไม่ดี ต้องรีบแก้ไข
  • แทนที่จะบอกตัวเองว่าทำไมวันนี้ฉันไม่สวยเลย ฉันดูแก่ บอกตัวเองก่อนว่าน่าภูมิใจนะที่มีงานทำ ดูแลตัวเองได้ ลองตั้งเป้าหมายว่าวันนี้เราจะออกไปทำงานดีๆ ไปทำให้คนประทับใจเรา ไปทำให้ตัวเราเก่งขึ้น และให้ความสามารถและทัศนคติที่ดีของเราเปล่งประกายทะลุยูนิฟอร์มออกมา

Q: ขอสารภาพว่าหนูเกลียดชุดยูนิฟอร์มของบริษัทมาก หนูสวยแค่ไหนแต่ใส่ยูนิฟอร์มก็ดับ ทุกวันที่ออกมาทำงานจะรู้สึกตัวเองไม่สวย รู้สึกอาย ใส่แล้วดูแก่เป็นป้าเลยค่ะ เพื่อนที่ทำงานก็ไม่มีใครชอบค่ะ แต่ก็บอกว่าทนๆ ใส่ไปเถอะ พี่ว่าหนูไร้สาระไปไหมคะ หรือหนูควรจะทำอย่างไรดี

 

A: โถ… สวยแค่ไหนก็ Carry ลุคยูนิฟอร์มของบริษัทไม่อยู่จริงๆ หรือนี่ น่าเห็นใจครับ เอาว่าปัญหาของน้องก็คงกวนใจน้องอยู่ไม่น้อย และก็อาจจะกวนใจเพื่อนพนักงานคนอื่นๆ อยู่ ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาไร้สาระหรอกครับ ลองว่าถ้ามันทำให้พนักงานรู้สึกไม่มั่นใจที่จะออกมาทำงาน รู้สึกไม่ภูมิใจในองค์กร พี่ว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะครับ

 

เวลาพูดถึงแบรนด์นั้นมันไม่ได้สะท้อนออกมาแค่สิ่งที่เราเห็นในโฆษณา แต่มันคือทุกประสบการณ์ที่สื่อออกมาให้เราได้สัมผัสหมด ที่ทำให้เรารู้สึกว่าแบรนด์นี้เป็นแบรนด์อย่างไร เชื่ออะไร เกิดมาทำไม ชุดยูนิฟอร์มก็เหมือนกันครับ เป็นหนึ่งในสิ่งที่สะท้อนออกมาว่าแบรนด์นี้เป็นอย่างไร มันบอกมาผ่านเสื้อผ้าได้เช่นกัน บางคนอาจจะบอกว่าเสื้อผ้าก็แค่เปลือก แต่เปลือกนี่บางทีสะท้อนไปถึงแก่นเลยด้วยซ้ำ ถ้าดีไซน์ยูนิฟอร์มดูแก่ เชย มันก็บอกว่าแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่แก่ เชย เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ประสบการณ์ที่มันสื่อผ่านมาทางสิ่งที่เราเห็นนี่แหละครับที่บอกเราว่าแบรนด์เป็นแบบไหน

 

เราถึงได้เห็นหลายแบรนด์พิถีพิถันกับทุกประสบการณ์ที่จะออกไปจากแบรนด์ รวมไปถึงยูนิฟอร์มของพนักงานด้วย บางแบรนด์เอาดีไซเนอร์ชื่อดังมาออกแบบให้เลย มีเปลี่ยนยูนิฟอร์มกันทุกกี่ปีก็ว่ากันไป แต่พี่เข้าใจนะครับว่าไม่ใช่ทุกแบรนด์จะทำแบบนั้นได้ เพราะด้วยปัจจัยหลายอย่าง บางบริษัทมีกฎว่าพนักงานทุกคนต้องใส่ยูนิฟอร์มก็เพื่อหลอมรวมทุกคนเป็นทีมเดียวกันหมด เป็นการบ่งบอกว่าเราเป็นใคร เห็นปุ๊บรู้เลยว่าเราเป็นพนักงานของที่ไหน พ่วงด้วยการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร ถ้าทุกคนแต่งตัวเรียบร้อย ใครมาเห็นก็สบายตา สมมติน้องเป็นพนักงานธนาคาร ลูกค้าเข้ามาธนาคารแล้วเจอคนแต่งตัวน่าเชื่อถือก็คงมั่นใจในธนาคารมากขึ้น สมมติน้องเป็นพนักงานขายรถสปอร์ต แต่น้องแต่งตัวเหมือนน้องขับรถอีโคคาร์ ลูกค้าก็คงไม่เชื่อถือไปด้วย สมมติน้องทำงานอยู่ในเหมือง ก็อาจต้องเป็นชุดพนักงานที่สมบุกสมบันสักหน่อย คงไม่เป็นยูนิฟอร์มสีขาวที่ใส่ทำงานไม่ทันไรก็เปื้อนง่าย เพราะฉะนั้นการใส่ยูนิฟอร์มมันก็มีเหตุผลของมันอยู่

 

ถ้ายูนิฟอร์มน้องว่าแก่แล้ว ลองคิดเล่นๆ ว่า ถ้าน้องต้องใส่มาสคอตมาทำงานทุกวัน หรือต้องแต่งตัวตลกๆ มาทำงาน น้องว่าน้องจะอยากใส่มาทำงานไหมครับ

 

พี่อยากเล่าตัวอย่างหนึ่งให้น้องฟัง น้องรู้จักดิสนีย์แลนด์ใช่ไหมครับ พนักงานในดิสนีย์แลนด์บางคนต้องแต่งตัวตลก ใส่ชุดการ์ตูน ใส่ชุดมาสคอตและต้องใส่มันทุกวัน เราโตกันขนาดนี้ต้องมาใส่อะไรตลกๆ ก็อาจจะรู้สึกเขินๆ นะครับ แต่น้องลองไปดูพนักงานของดิสนีย์แลนด์เวลาเขาทำงานสิ ต่อให้เขาต้องใส่ชุดที่ประหลาดแค่ไหนแต่พวกเขาก็มีความสุข เขาทำให้คนที่มามีความสุข มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะเขาศรัทธาในแบรนด์ดิสนีย์จนลึกไปถึงวิญญาณ จนเขามองข้ามชุดที่ต้องใส่ ความสุขที่เขามีมันสื่อออกมาจนเราก็รู้สึกว่าแบรนด์นี้เป็นแบรนด์แห่งความสุข แบรนด์แห่งจินตนาการ ชุดก็คือชุด แต่สิ่งที่สื่อออกมาผ่านคนนั้นต่างหากที่ทำให้แบรนด์นั้นมีชีวิตชีวา

 

พี่เคยดูคลิปหนึ่งแล้วประทับใจพนักงานดิสนีย์มาก มันเป็นคลิปก่อนที่เขาจะเดินพาเหรดกันตอนเย็น ซึ่งเวลานั้นพนักงานจะต้องขอความร่วมมือแขกที่มาให้อยู่เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่กีดขวางทางเดินขบวนพาเหรด แต่มีหนูน้อยคนหนึ่ง อยู่ๆ ก็นอนลงมาพื้นมองดูเมฆตอนนั้นเลย ถ้าเป็นเรา เราคงเดินไปบอกน้องให้ลุกไปอยู่หลังเส้น แต่พนักงานดิสนีย์ซึ่งศรัทธาในความเป็นดิสนีย์ทำอย่างไรรู้ไหมครับ เขาลงไปนอนเหมือนกับน้องคนนั้นและนอนดูเมฆด้วยกัน ถ้าแบรนด์แข็งแกร่งขนาดทำให้พนักงานหลอมรวมจิตวิญญาณกับแบรนด์เป็นหนึ่งเดียวกันได้ เขาก็จะทำแบบนี้แหละครับ

 

พี่เชื่ออย่างหนึ่งว่าความสามารถของคนทำให้เขาดูหล่อดูสวยมากขึ้น ขณะเดียวกัน มันก็ทำให้คนดูมีเสน่ห์ลดลงไปได้เหมือนกัน เคยเจอไหมครับคนที่หน้าตาธรรมดามาก แต่อ้าปากมา โอ้โห! ฉลาดจัง เก่งจัง พูดจาคมมาก กลับกัน บางคนหน้าตาดีแต่อ้าปากมาแล้วพูดจากลวงๆ ทำงานก็ไม่ได้เรื่อง เราจะรู้สึกว่าความหล่อความสวยเขาหายไปเยอะเลยจนไม่รู้สึกถึงเสน่ห์ใดๆ อยู่ด้วยก็เบื่อ ใครโดนด่าว่ามีดีแค่หน้าตานี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะครับ ฮ่าๆ

 

เรื่องยูนิฟอร์ม พี่แนะนำว่าลองสะท้อนความรู้สึกนี้ให้องค์กรฟัง พี่เชื่อว่าน้องไม่ใช่คนเดียวแน่ๆ ที่รู้สึกว่าอยากให้ยูนิฟอร์มมันสวยกว่านี้ บางทีการสะท้อนความรู้สึกไปให้องค์กรอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้ ถ้ามันทำให้พนักงานรู้สึกภูมิใจในองค์กร มั่นใจที่จะทำงาน และรู้สึกอยากจะทำงานด้วยความสุข องค์กรก็ได้ประโยชน์ไปด้วยเหมือนกัน หรือถ้าน้องสามารถเก็บคอมเมนต์ที่คนทั้งภายในและภายนอกองค์กรพูดถึงความรู้สึกที่มีต่อยูนิฟอร์มมาได้และเอาไปบอกองค์กรต่อ ก็น่าจะทำให้ผู้ใหญ่รู้สึกได้ว่าภาพลักษณ์องค์กรกำลังไม่ดี ต้องรีบแก้ไข เสียงสะท้อนของน้องอาจทำให้เพื่อนร่วมงานได้มีชุดทำงานที่สวยขึ้นเสียทีก็เป็นได้ ส่วนความสุขส่วนตัว พี่คิดว่าก็อาจจะเป็นโจทย์สนุกๆ ให้น้องได้ลองคิดว่า บนข้อจำกัดด้านเสื้อผ้าแบบนี้ น้องจะมีกิมมิกการแต่งตัวเล็กๆ น้อยๆ อย่างไรให้น้องยังมีความสุขและยังอยู่ในระเบียบขององค์กร

 

แทนที่จะบอกตัวเองว่าทำไมวันนี้ฉันไม่สวยเลย ฉันดูแก่ น้องบอกตัวเองก่อนว่าน่าภูมิใจนะที่น้องมีงานทำ น้องดูแลตัวเองได้ ลองตั้งเป้าหมายว่าวันนี้เราจะออกไปทำงานดีๆ ไปทำให้คนประทับใจเรา ไปทำให้ตัวเราเก่งขึ้น และให้ความสามารถและทัศนคติที่ดีของเราเปล่งประกายทะลุยูนิฟอร์มออกมา ถ้าเราเก่งและมีทัศนคติที่ดีเสียอย่าง ยูนิฟอร์มก็ฆ่าเราไม่ตาย! เอาสิ!

 

พี่เอาใจช่วยให้น้องได้มียูนิฟอร์มที่สวยขึ้นจากการได้สะท้อนความรู้สึกไปยังองค์กร  แต่เอาใจช่วยมากกว่าคือขอให้น้องมองกระจกไปแล้วพบว่าน้องภูมิใจในตัวเอง น้องมองเห็นคุณค่าของตัวเองโดยที่ต่อให้ภาพลักษณ์ภายนอกจะเป็นอย่างไรก็ทำลายความมั่นใจในตัวเราเองไม่ได้

 

คนสวยอยู่ตรงหน้าแล้วครับ

 

ท้อฟฟี่ แบรดชอว์

 

*ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ 

 

ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X