วันนี้ (8 สิงหาคม) อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพรัสเซียที่บุกยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียของยูเครน ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปได้สำเร็จ วอนเปิดทางให้ทีมตรวจสอบจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) เข้าพื้นที่ หลังเกิดเหตุโจมตีบริเวณนั้นอย่างต่อเนื่อง หวั่นเกิดหายนะใหญ่
โดยกูเตอร์เรสระบุว่า การโจมตีใส่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ล้วนแล้วแต่เป็นการฆ่าตัวตายทั้งสิ้น ซึ่งเลขาธิการ UN ได้แสดงจุดยืนในประเด็นนี้ หลังเข้าร่วมงานครบรอบ 77 ปี เหตุระเบิดที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 (1945) ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบทเรียนทางประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของมวลมนุษยชาติ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความอันตรายและร้ายแรงของอาวุธนิวเคลียร์
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนชี้ว่า การกระทำของกองทัพรัสเซียไม่ต่างจากกลุ่มก่อการร้ายที่ต้องการจะก่อวินาศกรรมทางนิวเคลียร์ เรียกร้องให้ประชาคมโลกดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียระลอกใหม่ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย
“ไม่มีชาติไหนในประชาคมโลกที่จะรู้สึกปลอดภัย เมื่อรัฐก่อการร้ายตัดสินใจโจมตีใส่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์”
การโจมตีดังกล่าว ส่งผลให้เครื่องจักรและพื้นที่ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียบางส่วนได้รับความเสียหาย มีพนักงานโรงไฟฟ้าชาวยูเครนได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายฝ่ายจึงเรียกร้องให้เปิดทางให้ทีมตรวจสอบเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว เพื่อป้องกันโศกนาฏกรรมดังเช่นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลของยูเครน ครั้งที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต เกิดระเบิดขึ้นในปี 1986 กลายเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของมวลมนุษยชาติ
ภาพ: Philip Fong / AFP
อ้างอิง: