รัฐบาลอังกฤษเปิดเผยแผนงบประมาณฉบับใหม่มูลค่า 5.5 หมื่นล้านปอนด์ หวังอุดช่องว่างการคลังสาธารณะของประเทศ และหาทางฟื้นฟูความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของอังกฤษ ในช่วงเวลาที่อังกฤษกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา
สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า แผนงบประมาณดังกล่าวมีทั้งการขึ้นภาษีและลดค่าใช้จ่าย โดย เจเรมี ฮันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอังกฤษ ได้ออกแถลงการณ์ประกาศถึงแผนงบประมาณฉบับดังกล่าวที่หลายฝ่ายเฝ้ารอมานาน ซึ่งตัวแผนระบุว่า รัฐบาลจะมีการลดรายจ่ายมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านปอนด์ ควบคู่กับการขึ้นภาษีอีกประมาณ 25,000 ล้านปอนด์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ภาวะ เศรษฐกิจถดถอย อาจอยู่ใกล้กว่าที่คิด เปิดกลยุทธ์รับมือเน้น Predict-Prepare-Perform
- ‘ไบเดน’ ปัดเศรษฐกิจโลกตกต่ำไม่ได้มาจากดอลลาร์แข็ง แต่มาจากนโยบายที่ผิดพลาดของประเทศอื่น
- ภาระ ‘ผ่อนบ้าน’ อาจเป็นพายุลูกใหม่ซ้ำเติมเศรษฐกิจโลก เมื่อดอกเบี้ยบ้านแพงสุดรอบ 15 ปี
นอกจากนี้ยังมีมาตรการทางการเงินอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงการระงับอัตราการเก็บภาษีเงินได้ขั้นต่ำสุดไว้ที่ 12,570 ปอนด์เป็นเวลา 2 ปี คือไปจนถึงเดือนเมษายน ปี 2028 ส่งผลให้ผู้ที่มีรายได้สูงกว่าอัตราที่กำหนดต้องจ่ายภาษี
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังอังกฤษจะลดอัตราภาษีสูงสุดลง 45% จาก 150,000 ปอนด์ต่อปี มาอยู่ที่ 125,140 ปอนด์ ซึ่งตรงข้ามกับการปรับลดครั้งใหญ่ในแผนงบประมาณเมื่อเดือนกันยายน ที่ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรี ลิซ ทรัสส์ ต้องลาออกจากตำแหน่ง
ฮันต์กล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงความเหมาะสมของแผนงบประมาณดังกล่าว โดยระบุชัดว่าการลดภาษีโดยไม่มีงบประมาณสนับสนุนมีความเสี่ยงเทียบเท่ากับการใช้จ่ายโดยไม่งบประมาณสนับสนุน
ยิ่งไปกว่านั้น ฮันต์ยังกล่าวอีกว่า มาตรการเหล่านี้จะช่วยให้ตลาดฟื้นความเชื่อมั่นที่มีต่ออังกฤษ ว่าการเงินของประเทศยังมีเสถียรภาพแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ ก่อนย้ำว่านโยบายการเงินและนโยบายการคลังของอังกฤษกำลังทำงานประสานสอดคล้องอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ทันที่รัฐมนตรีคลังประกาศแผนงบประมาณฉบับใหม่ ค่าเงินปอนด์ก็ปรับตัวอ่อนค่าลงทันทีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยการซื้อขายในช่วงบ่ายตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวานนี้ (17 พฤศจิกายน) อยู่ที่ประมาณ 1.1811 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์
แม้ความเห็นในมุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะระบุว่า มาตรการดังกล่าวจะเพิ่มความยากลำบากทางการเงินให้กับชาวอังกฤษหลายล้านคนทั่วประเทศ โดยเบื้องต้นมีการประเมินว่าแผนงบประมาณใหม่จะทำให้มีชาวอังกฤษที่ต้องเริ่มจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านคน และมีผู้ที่ต้องเริ่มจ่ายภาษีระดับสูงสุดอีก 2.6 ล้านคน ในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับวิกฤติค่าครองชีพที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปี แถมยังต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยยาวนานที่สุด
แต่รัฐมนตรีคลังอังกฤษก็ออกโรงโต้แย้งว่า แผนงบประมาณดังกล่าวมีความจำเป็นเพื่อจำกัดอัตราเงินเฟ้อที่สูงในรอบ 41 ปี และกอบกู้ชื่อเสียงของประเทศ ซึ่งฮันต์ได้เรียกแผนดังกล่าวว่าเป็น ‘Ultimate Growth Strategy’ หรือ ‘สุดยอดกลยุทธ์การเติบโต’
“เราต้องต่อสู้ต่อไปอย่างไม่ลดละเพื่อลด (เงินเฟ้อ) รวมถึงมุ่งเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงในการที่จะสร้างการเงินสาธารณะของเราขึ้นมาใหม่” ฮันต์กล่าว
ทั้งนี้ มาตการอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการปรับขึ้นภาษีประกอบด้วย การเพิ่มเงินบำนาญ, สิทธิประโยชน์ และการลดหย่อนภาษีที่ 10% รวมถึงการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำสำหรับคนอายุ 23 ปีขึ้นไปตามแผน National Living Wage เป็น 10.42 ปอนด์ต่อชั่วโมง ขณะที่การยกเว้นเก็บภาษีกำไรจากเงินลงทุนรายปี และการงดเก็บภาษีเงินปันผลที่มีมูลค่าไม่เกิน 5,000 ปอนด์ จะถูกระงับไว้ไม่เก็บภาษีในช่วง 2 ปีข้างหน้า
ฮันต์ยังยืนยันว่าอุตสาหกรรมพลังงานจะต้องเผชิญกับภาษีลาภลอยเพิ่มขึ้น 35% จาก 25% ในขณะเดียวกัน การสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของครัวเรือนจะถูกลดทอนลง โดยค่าใช้จ่ายทั่วไปจะเพิ่มขึ้นจาก 2,500 ปอนด์ต่อปีเป็น 3,000 ปอนด์ในเดือนเมษายน 2023
ถึงกระนั้น มาตรการทางการคลังหลายอย่างกำหนดไว้สำหรับภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2024
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (17 พฤศจิกายน) มีขึ้นพร้อมกับรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจของสำนักความรับผิดชอบด้านงบประมาณ (OBR) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตอนนี้สหราชอาณาจักรกำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งคาดว่าจะดำเนินไปนานกว่า 1 ปี และในระหว่างนั้น อัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นจาก 3.5% ไปเป็น 4.9% โดยฮันต์รับรองว่า แผนการใหม่ของรัฐบาลจะทำให้การถดถอยของเศรษฐกิจและอัตราว่างงานจะน้อยกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์มองว่า นอกจากจะเป็นการกำหนดแนวทางสำหรับการบริหารงานของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี ริชิ ซูนัค แล้ว แผนดังกล่าวยังมีขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญของฮันต์ ซึ่งเพิ่งจะได้รับการติดตั้งเมื่อเดือนที่แล้วเพื่อกอบกู้ความน่าเชื่อถือของอังกฤษให้ฟื้นกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ ควาซี ควาร์เต็ง รัฐมนตรีคลังอังกฤษคนก่อนเข็นแผนลดหย่อนภาษีชุดใหญ่โดยไม่มีแผนการเงินสนับสนุน จนสร้างความปั่นปวนในตลาด ฉุดเงินปอนด์ดิ่งหนัก กระทั่งธนาคารกลางอังกฤษต้องประกาศแทรกแซง
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทางธนาคารกลางอังกฤษได้ออกมาเตือนว่าอังกฤษกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกเมื่อ 100 ปีที่แล้ว
ขณะที่ข้อมูลอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่ออกมาล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจอังกฤษหดตัว 0.2% ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 ซึ่งเป็นการเติบโตติดลบต่อเนื่อง 2 ไตรมาสติดต่อกัน บ่งชี้ได้ว่าอังกฤษได้เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคเรียบร้อยแล้ว
อ้างอิง: