วันนี้ (28 กรกฎาคม 2564) เพจเฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เผยแพร่ถ้อยแถลงของ มาร์ค กูดดิ้ง ว่าที่เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ที่ระบุว่าสหราชอาณาจักรจะบริจาควัคซีนโควิดของ Oxford-AstraZeneca จำนวน 415,000 โดสให้กับประเทศไทยเพื่อช่วยในการรับมือกับโควิด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริจาควัคซีนกว่า 9 ล้านโดสไปยังทั่วโลก กูดดิ้งระบุว่า คาดว่าวัคซีนนี้จะนำส่งมายังประเทศไทยในสัปดาห์หน้าหรือสองสัปดาห์ข้างหน้า
“วัตถุประสงค์ของการบริจาคครั้งนี้เพื่อรักษาชีวิต และเพื่อเหตุผลนั้น วัคซีนจะถูกส่งไปยังบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่สุดในโครงการฉีดวัคซีนระดับชาติของประเทศไทย” กูดดิ้งกล่าว
เขายังกล่าวถึงกรณีความกังวลถึงการได้รับวัคซีนของชาวสหราชอาณาจักรในประเทศไทย โดยบอกว่าสถานทูตอยู่ในการพูดคุยอย่างเข้มข้นกับเจ้าหน้าที่ทางการของไทยในช่วงเร็วๆ นี้เกี่ยวกับการเปิดให้มีการเข้าถึงวัคซีน และเขายินดีกับการที่รัฐบาลประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าชาวต่างชาติจะเข้าถึงโครงการฉีดวัคซีนในไทย โดยลำดับความสำคัญจะส่งยังผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ที่มีโรคประจำตัว และการเข้าถึงนี้จะขยายออกไปยังจังหวัดอื่นๆ นอกกรุงเทพมหานคร แต่ก็จะยังทำงานต่อไปเพื่อขยายการเข้าถึงวัคซีนให้มากขึ้นอีก และการบริจาคในครั้งนี้ก็จะช่วยเพิ่มปริมาณวัคซีน ซึ่งก็จะช่วยในการให้วัคซีนแก่บุคคลกลุ่มเสี่ยงที่สุดทั้งชาวสหราชอาณาจักร ชาวไทย และชาวต่างประเทศทุกชาติ เขายังได้กล่าวยกย่องบุคลากรด้านสาธารณสุขในไทยที่ทำให้การฉีดวัคซีนเดินหน้าไปได้
เว็บไซต์รัฐบาลสหราชอาณาจักรระบุว่า การประกาศว่าวัคซีนบริจาคดังกล่าวจะเริ่มจัดส่งไปยังทั่วโลกในสัปดาห์นี้มีขึ้นโดย โดมินิค ราบบ์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร ประกาศในวันนี้ (28 กรกฎาคม) ทั้งนี้ วัคซีนจำนวน 5 ล้านโดสจะถูกส่งไปยังโครงการ COVAX ซึ่งทางโครงการก็จะส่งต่อไปยังกลุ่มประเทศที่เสี่ยงที่สุดอย่างเร่งด่วน ส่วนอีก 4 ล้านโดสจะแบ่งปันโดยตรงกับประเทศที่ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งได้แก่ แอนติกาและบาร์บูดา, เบลีซ, กัมพูชา, กายอานา, อินโดนีเซีย, จาเมกา, เคนยา, สปป.ลาว, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ไทย, และเวียดนาม ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรระบุว่าได้ทำข้อตกลงร่วมกับประเทศเหล่านี้
กูดดิ้งยังระบุด้วยว่า สหราชอาณาจักรได้สนับสนุนงบประมาณสำหรับการพัฒนาวัคซีนของ Oxford-AstraZeneca เพื่อให้วัคซีนได้รับการกระจายไปโดยไม่มีกำไร และมีเป้าหมายให้การกระจายวัคซีนเป็นไปอย่างเท่าเทียมและเที่ยงธรรมทั่วโลก
ภาพ: Matthew Horwood / Getty Images
อ้างอิง: