ถึงวันนี้ยานยนต์ไฟฟ้าจะยังไม่แพร่หลายมากนักในหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย แต่บริษัทและค่ายผู้พัฒนารถยนต์หลายแห่งก็มองข้ามช็อตไปถึงโอกาสการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบ หรือ Self-driving เข้ามาเตรียมใช้กับภาคธุรกิจของตัวเองแล้ว
Uber ผู้ให้บริการร่วมเดินทางยอดนิยมจากสหรัฐอเมริกา คืออีกหนึ่งหน่วยงานที่เล็งเห็นโอกาสดังกล่าว โดยเมื่อวันอังคารที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ดารา คอสราวชาฮี ให้สัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ จอห์น มิกเกิลทเวต บรรณาธิการบริหาร Bloomberg ถึงประเด็นต่างๆ รวมถึงความหวังในการนำเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับเข้ามาใช้ร่วมกับบริการร่วมเดินทางของบริษัทภายในอีก 18 เดือนข้างหน้า หรือประมาณปี 2020
ดารากล่าวว่า “พวกเราจะมีรถยนต์ไร้คนขับวิ่งบนท้องถนน ผมเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นภายในอีก 18 เดือนข้างหน้านี้ และต้องไม่ใช่แค่รูปแบบของการทดสอบนะ แต่หมายถึงการใช้งานแบบจริงจังเลย”
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว Uber และ Volvo ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการทำสัญญาซื้อรถยนต์ XC90 จำนวน 24,000 คัน มูลค่ากว่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (คันละ 46,900 เหรียญสหรัฐ) หรือประมาณ 37,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมนำมาใช้พัฒนาในโปรเจกต์บริการยานยนต์ไร้คนขับของทางบริษัท โดย Volvo จะเริ่มทยอยจัดส่งรถตั้งแต่ช่วงปี 2019-2021 เป็นต้นไป
ขณะที่ปัจจุบัน Uber ก็ได้นำร่องทดสอบโดยนำรถยนต์ไร้คนขับมาวิ่งในเมืองฟินิกซ์ รัฐแอริโซนา หลายครั้งหลายหนแล้ว โดยดาราตั้งเป้าไว้ว่าในอนาคตฟินิกซ์จะต้องมีรถยนต์ไร้คนขับของบริษัทสัดส่วน 5% วิ่งให้บริการบนท้องถนนให้ได้ ก่อนที่จะค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนไปเป็น 10%, 15% และ 20% ตามความสามารถในการเรียนรู้ของอัลกอริทึมที่ฉลาดมากขึ้น “ภายใน 5 ปี พวกเราจะมีคนขับ (AI และอัลกอริทึม) ที่เพอร์เฟกต์ในเมืองฟินิกซ์” ดาราเผย
อย่างไรก็ดี ประเด็นความปลอดภัยของยานยนต์ไร้คนขับก็ยังถูกนำขึ้นมาถกเถียงและพูดคุยอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปพร้อมๆ กับข่าวอุบัติเหตุรถ Tesla ชนเข้ากับท้ายรถบรรทุกคันหนึ่ง หลังคนขับเปิดโหมด Autopilot ขึ้นมา ซึ่งอาจจะนำไปสู่การตั้งคำถามที่ว่า รถยนต์อัตโนมัติพร้อมจะถูกนำมาอยู่ร่วมกับสังคมของเราแล้วจริงหรือ?
อ้างอิง: