ญี่ปุ่นอ่วมจากพายุไต้ฝุ่นเชบีซึ่งพัดกระหน่ำภูมิภาคคันไซ ทางใต้ของเกาะฮนชู เมื่อวานนี้ (5 ก.ย.) ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 9 ราย ขณะที่กระแสลมและคลื่นสูงได้สร้างความเสียหายต่อสิ่งปลูกสร้างจำนวนมาก โดยเรือบรรทุกสินค้าลำหนึ่งถูกกระแสน้ำซัดเข้าปะทะกับสะพานเชื่อมตัวเมืองโอซาก้ากับท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ ส่งผลให้คนติดค้างอยู่ในสนามบินหลายพันคน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องรอตรวจสอบความเสียหายของสะพาน
พายุเชบีซึ่งเป็นไต้ฝุ่นที่มีกำลังแรงที่สุดในรอบ 25 ปีในญี่ปุ่นเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งตะวันตกของประเทศด้วยความเร็วลม 216 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อวานนี้ โดยสำนักข่าว NHK ของญี่ปุ่นรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากวาตภัยครั้งนี้แล้วอย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บ 229 ราย
อิทธิพลของพายุทำให้ฝนตกหนักและลมกระโชกแรงเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้ผนังและเพดานของอาคารหลายหลังพังถล่ม กระจกหน้าต่างแตกเสียหาย ต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่น และมีรถยนต์จำนวนมากถูกลมพัดจนปลิวหรือพลิกคว่ำ
นอกจากนี้ลมพายุยังทำให้ตึกและบ้านเรือนประมาณ 1.04 ล้านหลังในเขตพื้นที่ให้บริการของบริษัท Kansai Electric Power เกิดปัญหากระแสไฟฟ้าขัดข้อง เช่นเดียวกับบ้านเรือนและสำนักงานกว่า 169,000 แห่งในภูมิภาคชูบุและชิโกกุที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้จนถึงวันนี้
ส่วนท่าอากาศยานนานาชาติคันไซซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเทียมในอ่าวโอซาก้าและอยู่ในแนวการเคลื่อนตัวของไต้ฝุ่นเชบีได้ปิดให้บริการชั่วคราวตั้งแต่เมื่อวานนี้ สืบเนื่องจากน้ำท่วมและผลกระทบจากสะพานเชื่อมสนามบินที่ได้รับความเสียหายหลังถูกเรือบรรทุกสินค้าชน
อิซูมิ อาริตะ โฆษกท่าอากาศยานคันไซ เผยว่ามีคนติดค้างอยู่ในสนามบินประมาณ 5,000 คนเมื่อคืนนี้ และจนถึงเวลา 08.45 น. วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ยังมีคนติดอยู่ในสนามบินราว 3,000 คน เนื่องจากมีการยกเลิกเที่ยวบินทุกเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออกจากสนามบินคันไซในวันนี้ด้วย ส่วนจะกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งเมื่อใดนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด ขณะที่ผู้โดยสารบางส่วนได้รับการเคลื่อนย้ายไปยังสนามบินใกล้เคียงด้วยเรือ
ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซเป็นสนามบินที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่นต่อจากท่าอากาศยานฮาเนดะและนาริตะในกรุงโตเกียว และเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าของภูมิภาค โดยเฉพาะการส่งออกชิ้นส่วนอุปกรณ์กึ่งตัวนำ
นอกจากการคมนาคมทางอากาศแล้ว ระบบขนส่งทางรางก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยรถไฟในเมืองโกเบและนาระได้หยุดให้บริการจนถึงเมื่อเวลา 07.55 น. วันนี้ ขณะที่บริษัท West Japan Railway ระบุว่าแม้ส่วนที่เหลือของภูมิภาคจะสามารถเดินรถให้บริการได้ตามปกติ แต่รถไฟความเร็วสูงขบวนเกียวโตและไมบาระที่มุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออกยังคงงดให้บริการ เนื่องจากมีต้นไม้หักโค่นลงมาขวางทางรถไฟ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
