ปีที่แล้ว มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta พบว่าตัวเองกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย การเผยแพร่เอกสารภายในบริษัทหลายร้อยฉบับที่เรียกรวมกันว่า Facebook Papers ได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากฝ่ายนิติบัญญัติ ผู้ใช้ และกลุ่มภาคประชาสังคม
การเปิดเผยเหล่านี้นำไปสู่การเรียกตัวซักเคอร์เบิร์กและทีมผู้บริหารของเขามาเป็นพยานต่อหน้ารัฐสภา นอกจากนี้ยังเกิดความสงสัยอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับแผนการของซักเคอร์เบิร์ก ในการเปลี่ยน Facebook เป็น Meta และความปรารถนาของเขาที่จะสร้างจักรวาลดิจิทัล หรือ Metaverse
เหนือสิ่งอื่นใด การอัปเดตความเป็นส่วนตัวที่ทำโดย Apple ได้สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อแหล่งรายได้หลักของ Meta ซึ่งเป็นธุรกิจโฆษณา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ล้วงลูก Threads แอปใหม่จาก มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กับฉายา ‘นักฆ่า Twitter’ ที่โพสต์ข้อความและรูปได้เหมือนกัน แต่ยังส่ง DM ไม่ได้นะ!
- จากความตื่นเต้นสู่ความกังวล! ผู้ใช้พบไม่สามารถปิดบัญชี Threads ถาวรได้ เว้นแต่จะ ‘ลบ’ บัญชี Instagram ด้วย
- Meta ชี้ แอป ‘Threads’ ไม่เน้นข่าวการเมือง มุ่งความบันเทิงเป็นหลัก พร้อมย้ำว่าไม่ได้มาแทนที่ Twitter แต่แอบบอกว่าหน้าฟีด Threads จะไม่เต็มไปด้วยโฆษณาสินค้าแน่นอน!
ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ความสนใจของโลกเทคโนโลยีและสื่อต่างๆ ก็เปลี่ยนไปสู่เจ้าพ่อเทคโนโลยีรายอื่นอย่างกะทันหัน นั่นคือ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ SpaceX และ Tesla ซึ่งได้อยู่ในพาดหัวข่าวเมื่อเขาวิจารณ์ Twitter ก่อนจะเข้าซื้อบริษัทด้วยเงินก่อนโต (ซึ่งเขายอมรับในเวลาต่อมาว่าไม่น่าซื้อเลย)
เรื่องราวเกี่ยวกับความพยายามซื้อ Twitter การดิ้นรนเพื่อถอนตัวจากข้อตกลง และการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นที่ถกเถียงมากมายที่เขานำมาใช้เมื่อเป็นเจ้าของ ได้ดึงความสนใจไปจากบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ รวมถึง Meta
การเปลี่ยนโฟกัสนี้ทำให้ซักเคอร์เบิร์กมีโอกาสพิเศษ หลังจากความพยายามหลายครั้งล้มเหลวในการดึงดูดคนใช้ Twitter ด้วยฟีเจอร์ที่คล้ายกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซักเคอร์เบิร์กมองเห็นโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากปัญหาของ Twitter ภายใต้การนำของมัสก์
กลายเป็นที่มาของการเปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ชื่อ Threads ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นฝาแฝดของ Twitter และประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แม้ว่าบริษัทจะเคยมีประวัติการละเมิดความเป็นส่วนตัว มีข้อกล่าวหาเรื่องการแทรกแซงการเลือกตั้ง และความกังวลของสาธารณชนเกี่ยวกับอำนาจในโลกโซเชียลมีเดีย
ความสำเร็จที่โดดเด่นของ Threads เป็นผลมาจากความระส่ำระสายในการเข้าเป็นแม่ทัพ Twitter ของมัสก์ ซึ่งได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ปั่นป่วนหลายประการ รวมถึงการปลดพนักงานจำนวนมาก และการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญ
สิ่งที่เกิดขึ้นนำไปสู่ความไม่พอใจอย่างมากในหมู่ฐานผู้ใช้และผู้ลงโฆษณาของ Twitter ด้วยเหตุนี้ผู้ใช้ Twitter จำนวนมากที่ไม่พอใจกับความเป็นผู้นำของมักส์จึงมองว่า การย้ายไปยังแพลตฟอร์มที่ดำเนินการโดยซักเคอร์เบิร์กเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แม้ว่าจะมีความขัดแย้งในตัวเขาเองก็ตาม
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างซักเคอร์เบิร์กกับมักส์จะตึงเครียดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากความไม่ลงรอยกันต่างๆ นานา แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ปัจจุบันอาจส่งผลดีต่อซักเคอร์เบิร์กโดยไม่ได้ตั้งใจ
ที่น่าสนใจคือ ความโกลาหลอย่างต่อเนื่องที่ Twitter อาจป้องกัน Meta ทางอ้อมจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำที่คล้ายกัน เช่น การปลดพนักงานจำนวนมาก และการตัดสินใจที่เป็นที่ถกเถียงในการกู้คืนบัญชีของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ หลังจากถูกระงับเป็นเวลา 2 ปี
การเปิดตัว Threads เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญสำหรับซักเคอร์เบิร์ก และ Meta ซึ่งยักษ์ใหญ่แห่งโซเชียลมีเดียประสบกับปีที่ยากลำบากในปี 2022 นับเป็นการลดลงของรายได้รายไตรมาสเป็นครั้งแรกในฐานะบริษัทมหาชน ซึ่งเกิดขึ้นถึง 2 ครั้งติด โดยข่าวร้ายทำให้มาร์เก็ตแคปหายไปกว่า 6 แสนล้านดอลลาร์ตลอดปีที่ผ่านมา
ด้วยการเปิดตัว Threads ซักเคอร์เบิร์กมองเห็นโอกาสที่สำคัญ หาก Threads สามารถดึงดูดฐานผู้ใช้จำนวนมากได้ ก็จะสามารถฟื้นฟูธุรกิจของ Meta ได้ด้วยการทำให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียใช้เวลากับแอปมากขึ้น และอาจช่วยเสริมธุรกิจโฆษณาหลักของ Meta
ในขณะที่ละครเรื่องนี้ดำเนินไป มัสก์ก็ไม่ได้นิ่งเฉย เขากล่าวหาว่า Meta ขโมยความลับทางการค้า ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างที่ Meta ปฏิเสธอย่างฉุนเฉียว เรื่องราวดราม่าที่เกิดขึ้นระหว่างสองเจ้าพ่อเทคโนโลยียังคงดึงดูดความสนใจจากสาธารณชน และสำหรับตอนนี้ดูเหมือนว่าซักเคอร์เบิร์กกำลังเปลี่ยนความทุกข์ยากให้กลายเป็นโอกาสของตัวเองอยู่
อ้างอิง: