ทีเอ็มบีธนชาตแจ้งการซื้อคืนตราสารหนี้ AT1 จากตลาดต่างประเทศ ตามแผนการบริหารโครงสร้างการจัดหาเงินทุน เนื่องจากมองว่าเป็นประโยชน์ต่อการบริหารต้นทุน การจัดหาเงินทุน ขณะที่เงินกองทุนยังคงอยู่ในระดับสูง
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อคืนตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ซึ่งธนาคารได้ออกและเสนอขายในตลาดต่างประเทศ โดยจะดำเนินการทำคำเสนอซื้อคืนเป็นการทั่วไป หรือ Tender Offer เพื่อซื้อคืนตราสารหนี้บางส่วน (Partial Repurchase) ตามแผนการบริหารการจัดหาเงินทุนของธนาคาร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไม่ตกขบวน! ไทยพาณิชย์ปรับขึ้นดอกเบี้ย MLR และ MOR 0.25% พร้อมขยับดอกเบี้ยเงินฝากประจำสูงสุด 0.50%
- เตรียมตัวไว้! ตั้งแต่ 15 พ.ย. นี้ ‘ฝากเงินผ่านตู้’ ต้องยืนยันตัวตนผ่านบัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็ม และบัตรเครดิต เพื่อป้องกันการฟอกเงิน
- ภาระ ‘ผ่อนบ้าน’ อาจเป็นพายุลูกใหม่ซ้ำเติมเศรษฐกิจโลก เมื่อดอกเบี้ยบ้านแพงสุดรอบ 15 ปี
ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTB เปิดเผยว่า การซื้อคืนตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 หรือตราสารหนี้ AT1 ในครั้งนี้ ได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การจัดหาเงินทุน หรือ Funding Strategy ของธนาคาร ซึ่งได้พิจารณาแล้วว่า ธุรกรรมดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารต้นทุน การจัดหาเงินทุน
ในกรณีนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากการออกตราสารหนี้ และหนุนให้ภาพรวมการบริหารต้นทุน การจัดหาเงินทุน มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ TTB ให้ความสำคัญกับการดำรงฐานะเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูงมาโดยตลอด หนุนโดยการสร้างการเติบโตที่มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ดังนั้นฐานเงินกองทุนในปัจจุบันจึงอยู่ในระดับสูง การซื้อคืนตราสารหนี้ AT1 ในจำนวนดังกล่าวจึงไม่ส่งผลกระทบต่อระดับเงินกองทุนอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด
โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2565 TTB รายงานอัตราส่วนเงินกองทุนรวม (CAR) และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ที่ 20.0 และ 16.0% เพิ่มขึ้นจาก 19.3 และ 15.3% ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2564 ซึ่งถือว่าสูงเป็นลำดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ของไทย และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 12.0 และ 9.5% ตามลำดับ
ทั้งนี้ การทำคำเสนอซื้อคืนเป็นการทั่วไปจะอยู่ในระหว่างวันที่ 26 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2565 เพื่อซื้อคืนตราสารหนี้ AT1 ที่มีชื่อว่า ‘US$400,000,000 4.90 per cent. Perpetual Additional Tier 1 Capital Securities’ (จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์) เป็นมูลค่าไม่เกิน 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 30% ของจำนวนเงินต้นรวมทั้งหมดของตราสารหนี้ AT1 ซึ่งเมื่อรวมกับการซื้อคืนบางส่วนจากตลาดรองในต่างประเทศ (Open Market Repurchase) ในช่วงก่อนหน้าจำนวนรวม 28.96 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 7.24% ของจำนวนเงินต้นรวมทั้งหมด จะรวมเป็นมูลค่าการซื้อคืนทั้งสิ้นไม่เกิน 150 ล้านดอลลาร์ หรือราว 5.7 พันล้านบาท คิดเป็น 37.50% ของจำนวนเงินต้นรวมทั้งหมด
กรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตราสารหนี้ดังกล่าวเป็นแบบไม่มีกำหนดครบอายุ จึงสามารถนับรวมเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1
อย่างไรก็ตาม ณ สิ้นไตรมาส 3 TTB มีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ 16% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 9.5% ค่อนข้างมาก ทำให้ธนาคารตัดสินใจบริหารเงินทุนดังกล่าวให้มีความเหมาะสมมากขึ้น
“การซื้อคืนจะช่วยประหยัดดอกเบี้ยจ่ายไปได้บางส่วน เพราะตราสารหนี้ดังกล่าวมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ย 4.9% ทุกปี”