×

ttb analytics เผย 3 ปัจจัยเสี่ยงที่ธุรกิจไทยต้องเผชิญในปี 65 คาดร้านอาหารและธุรกิจท่องเที่ยวถูกกระทบหนักสุด

28.01.2022
  • LOADING...
ttb analytics เผย 3 ปัจจัยเสี่ยงที่ธุรกิจไทยต้องเผชิญในปี 65 คาดร้านอาหารและธุรกิจท่องเที่ยวถูกกระทบหนักสุด

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics เปิดเผย 3 ปัจจัยเสี่ยงในปี 2565 ที่ภาคธุรกิจไทยต้องเผชิญ ได้แก่ 1. การแพร่ระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์โอมิครอน 2. การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ 3. ความเข้มงวดของนโยบายการค้าโลกที่มีผลต่อการส่งออก โดยแบ่งผลการวิเคราะห์ความเสี่ยงต่างๆ ดังนี้

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ 1 การแพร่ระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ที่อาจทำให้ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย และภาคการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวได้ล่าช้า อย่างไรก็ดี ttb analytics ประเมินว่าการระบาดในระลอกล่าสุดจะไม่รุนแรงเท่ากับการระบาดในครั้งก่อนๆ และจะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน เพื่อกลับสู่ระดับปกติ (เทียบกับรายได้ปี 2562) ยกเว้นธุรกิจบริการที่ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากไทยมีประสบการณ์ในการจัดการกับการแพร่ระบาด สามารถป้องกันได้ ทั้งในส่วนภาคเอกชนและประชาชน อีกทั้งมีการฉีดวัคซีนครอบคลุมทั่วประเทศ และเร่งฉีดเข็ม 3 

 

ดังนั้นการใช้มาตรการป้องกันจึงเป็นไปในลักษณะเชิงผ่อนคลาย ไม่รุนแรงจนต้องล็อกดาวน์ ทำให้ภาคธุรกิจค่อยๆ ปรับตัวที่จะอยู่ร่วมกับการแพร่ระบาด โดยประเมินความเสี่ยงตามรูปแบบการฟื้นตัวหลังการระบาดบรรเทาลงจาก 3 ระลอกที่ผ่านมา พบว่าธุรกิจที่ยังมีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ท่องเที่ยวและร้านอาหาร ความเสี่ยงปานกลาง ได้แก่ ขนส่งและโลจิสติกส์ น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ 2 การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ณ สิ้นปี 2564 ราคาวัตถุดิบฝั่งผู้ผลิตในกลุ่มพลังงานและอาหารปรับตัวสูงขึ้นกว่า 45% และ 5% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 ในขณะที่ราคาสินค้าฝั่งผู้บริโภคกลุ่มขนส่งและอาหาร ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 10% และ 1% ตามลำดับ

 

โดยราคาวัตถุดิบฝั่งผู้ผลิตปรับตัวสูงกว่าราคาฝั่งผู้บริโภคในกลุ่มสินค้าประเภทเดียวกัน สะท้อนถึงผลกำไรของผู้ประกอบการมีแนวโน้มลดลง ทั้งในกรณีที่ธุรกิจไม่สามารถส่งผ่านราคาวัตถุดิบไปยังผู้บริโภคได้ ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับสูงขึ้น กำไรลดลง และในกรณีที่ธุรกิจสามารถส่งผ่านราคาวัตถุดิบไปยังราคาสินค้าฝั่งผู้บริโภคได้ แต่จะทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง นำไปสู่ยอดขายของผู้ประกอบการลดลงตามไปด้วย 

 

ttb analytics จึงประเมินว่าแนวโน้มราคาวัตถุดิบอาหารและพลังงานที่เพิ่มขึ้น จะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้น และส่งผลให้กำไรลดลง จากผลการวิเคราะห์ตามตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิต (Input-Output Table) พบว่าการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารและพลังงานส่งผลให้สัดส่วนต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2.2% โดยธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ อาหาร โรงแรมและร้านอาหาร เครื่องดื่ม ขนส่งโลจิสติกส์ และฟาร์มเลี้ยงสัตว์

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ 3 ความเข้มงวดของนโยบายการค้าโลกและการแข่งขันสูง ที่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเห็นได้จากสัดส่วนการค้าระหว่างประเทศต่อ GDP ของไทยลดลงจาก 138% ในปี 2554 มาอยู่ที่ 98% ในปี 2563 แนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ชี้ว่าการพึ่งพิงภาคการค้าระหว่างประเทศมีทิศทางลดลง ประเทศต่างๆ หันมาพึ่งเศรษฐกิจในประเทศของตนเองมากขึ้น ดังนั้นมาตรการการค้าที่เข้มงวดจะถูกนำมาใช้ เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping: AD) มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty: CVD) การทำประมงผิดกฎหมาย (IUU fishing) การใช้แรงงานผิดกฎหมาย กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย

 

ttb analytics ประเมินว่าการกีดกันการค้าที่มิใช่ภาษีดังกล่าวจะยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันอุตสาหกรรมในประเทศตนเอง ทำให้ธุรกิจส่งออกไทยที่อยู่ในข่ายได้รับผลกระทบจากมาตรการเหล่านี้อาจทำให้ยอดส่งออกชะลอลง โดยธุรกิจส่งออกที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ประมง ธุรกิจที่มีความเสี่ยงปานกลาง ได้แก่ อาหาร ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ เหล็กและเหล็กกล้า ผลิตภัณฑ์ยางพารา เฟอร์นิเจอร์ แฟชั่น บรรจุภัณฑ์พลาสติก และเกษตรแปรรูป 

 

จาก 3 ปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า ควรจับตามองธุรกิจท่องเที่ยวและร้านอาหาร รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวกับกลุ่มอาหาร โดยเมื่อประมวลผลกระทบรวมของสามปัจจัยเสี่ยงแล้ว ชี้ให้เห็นว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบในระดับสูง เนื่องจากได้รับความเสี่ยงทั้งจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด และเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้น กระทบต่อต้นทุนและรายได้โดยตรง เป็นกลุ่มที่ต้องระมัดระวังในปี 2565 เป็นพิเศษ

 

ทั้งนี้ ttb analytics แนะนำให้ผู้ประกอบการที่มีแนวโน้มต้องเผชิญความเสี่ยง วางแผนและปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจก่อนที่ความเสี่ยงจะเข้ามากระทบกับธุรกิจ เช่น หากความเสี่ยงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อรายได้ลดลง สามารถใช้กลยุทธ์การกระจายตลาดหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ รักษาฐานลูกค้าให้มั่น หากความเสี่ยงกระทบด้านต้นทุน ก็มุ่งเน้นการลดต้นทุนลงในรูปแบบต่างๆ โดยที่คุณภาพไม่ลดลง 

 

ขณะที่ภาครัฐ เมื่อทราบถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นต่อภาคธุรกิจ ควรดำเนินมาตรการประคับประคองรายได้และต้นทุนของผู้ประกอบการในธุรกิจที่ได้รับความเดือดร้อนให้ตรงกลุ่ม เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถฝ่าฟันความเสี่ยงที่เผชิญอยู่และกลับมาฟื้นตัวได้ดังเดิม

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X