เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 บมจ.ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) รายงานกำไรสุทธิ 2Q66 จำนวน 4.57 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6%QoQ, 33%YoY) ออกมาสูงกว่าคาด หลักๆ เกิดจาก NII (NIM ดีกว่าคาด) Non-NII และคุณภาพสินทรัพย์ (Credit Cost และ NPL ต่ำกว่าคาด)
รายการสำคัญ:
- คุณภาพสินทรัพย์: NPL ลดลง 3%QoQ หรือ 1.3 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7.4% ถ้านำยอดตัดหนี้สูญบวกกลับเข้ามา) ซึ่งเป็นผลมาจากการตัดหนี้สูญ 4.3 พันล้านบาท (เทียบกับ 2.9 พันล้านบาทใน 1Q66) และการขาย NPL 1.8 พันล้านบาท (เทียบกับ 1.4 พันล้านบาทใน 1Q66) Credit Cost อยู่ในระดับทรงตัว QoQ ที่ 1.25% เทียบกับเป้าหมายปี 2566 ของธนาคารที่ 1.25-1.35% LLR Coverage เพิ่มขึ้นจาก 140% ณ 1Q66 สู่ 144% ทั้งนี้ สำหรับปี 2566 ยังคงประมาณการ Credit Cost ตามหลักความระมัดระวังไว้ที่ 1.3%
- การเติบโตของสินเชื่อ: เพิ่มขึ้น 0.4%QoQ, ลดลง 2.1%YoY และ 0.9%YTD ต่ำกว่าเป้าหมายปี 2566 ของธนาคารที่ 3% ค่อนข้างมาก สินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5%QoQ และ 0.3%YTD หลักๆ เกิดจากสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อรถแลกเงิน และสินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อบรรษัทลูกค้าธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.7%QoQ แต่หดตัวลง 2.6%YTD สินเชื่อ SMEs หดตัวลงต่อเนื่องอีก 0.9%QoQ และ 2.7%YTD สำหรับปี 2566 ได้ปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อลดลงจาก 3% สู่ 1%
- NIM: เพิ่มขึ้น 14 bps QoQ เนื่องจากผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น 22 bps QoQ (สัดส่วนสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงเพิ่มขึ้น) มากกว่าต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น 10 bps QoQ สำหรับปี 2566 ได้ปรับประมาณการ NIM เพิ่มขึ้น 15 bps ซึ่งสะท้อนถึง NIM ที่ขยายตัว 20 bps
- Non-NII: เพิ่มขึ้น 10%QoQ (เพิ่มขึ้น 6%YoY) หลักๆ เกิดจากรายได้อื่นและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 4%QoQ และ 1%YoY) รายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น QoQ เกิดจากค่าธรรมเนียม Bancassurance บัตรเครดิต และวาณิชธนกิจ
- อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: เพิ่มขึ้น 107 bps QoQ และ 136 bps YoY สู่ 44.53% ซึ่งเป็นผลมาจาก OPEX ที่สูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 8%QoQ และ YoY)
กระทบอย่างไร:
วันที่ 20 กรกฎาคม ณ เวลา 12.30 น. ราคาหุ้น TTB ปรับเพิ่มขึ้น 1.23%DoD สู่ระดับ 1.65 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.27%DoD อยู่ที่ระดับ 1,532.56 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น 10% หลักๆ เกิดจากการปรับประมาณการ NIM เพิ่มขึ้น สำหรับกำไร 1H66 คิดเป็น 52% ของประมาณการกำไรปี 2566 (เพิ่มขึ้น 20%) ส่วน 3Q66 คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ (เพราะตั้งสำรองและ OPEX เพิ่มขึ้น)
กลยุทธ์การลงทุน InnovestX Research ยังคงเรตติ้ง Neutral สำหรับ TTB และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 1.5 สู่ 1.7 บาทต่อหุ้น (PBV ปี 2567 ที่ 0.7 เท่า) เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นและการปรับปีฐานที่ใช้ประเมินมูลค่าเป็นปี 2567 ปัจจุบันหุ้น TTB เทรดที่ PBV ปี 2566 ระดับ 0.6 เท่า (เทียบกับ ROE 7%) และ PER ปี 2566 ระดับ 9 เท่า Valuation ของ TTB ดูน่าสนใจน้อยกว่าหุ้นธนาคารตัวอื่นๆ และ Valuation ไม่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการขยายสินเชื่อได้ช้ากว่าคาดเนื่องจากความต้องการสินเชื่อชะลอตัวและการแข่งขันสูง