เสียงระฆังยกที่ 3 ดังขึ้น สหรัฐฯ เดินหน้าต้อนจีนให้จนมุมด้วยมาตรการภาษีรอบที่ 3 รวมมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญในวันนี้ โดยอากรขาเข้ารอบใหม่ซึ่งมีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์นี้จะเรียกเก็บจากสินค้านำเข้าตั้งแต่เครื่องปรุงอาหารไปจนถึงชิ้นส่วนเครื่องจักร ขณะที่จีนเตรียมตอบโต้ทันทีด้วยกำแพงภาษีอัตรา 5-10% กับสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ รวมมูลค่า 60,000 ล้านเหรียญ ครอบคลุมสินค้าประเภทเคมีภัณฑ์ เสื้อผ้า ไปจนถึงชิ้นส่วนรถยนต์
มาตรการภาษีล่าสุดของสหรัฐฯ เมื่อรวมกับ 2 รอบก่อนหน้าในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม จะทำให้ยอดรวมเพิ่มเป็น 250,000 ล้านเหรียญ ซึ่งมีมูลค่าเกือบครึ่งหนึ่งของสินค้าที่จีนส่งออกให้สหรัฐฯ ในแต่ละปี
แต่นอกจากภาษีมูลค่า 250,000 ล้านเหรียญแล้ว คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังเตรียมประกาศตั้งกำแพงภาษีเพิ่มเติมกับสินค้าส่งออกของจีนรวมมูลค่าอีก 267,000 ล้านเหรียญ ซึ่งจะครอบคลุมสินค้าทั้งหมดที่จีนส่งออกให้สหรัฐฯ โดยในปี 2017 จีนมียอดส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ รวมมูลค่า 506,000 ล้านเหรียญ
แม้มีเสียงเตือนว่า การตั้งกำแพงภาษีจะไม่ส่งผลดีต่อผู้บริโภคในสหรัฐฯ เอง เพราะสินค้าหลายพันรายการจะแพงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ ที่สหรัฐฯ นำเข้ามาคิดเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญ ทว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยังเดินหน้าตามแผนการเดิมต่อไป โดยให้เหตุผลว่าที่ผ่านมาจีนไม่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการค้าที่ไม่เป็นธรรม และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งกระทบอุตสาหกรรมและตำแหน่งงานในสหรัฐฯ ขณะที่การเจรจาระหว่างผู้แทนการค้าของสองฝ่ายก็ยังไร้ความคืบหน้า และไม่มีทีท่าว่าจะตกลงกันได้
นักวิเคราะห์มองว่า แม้จีนอาจเสียเปรียบในแง่ที่นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ น้อยกว่า แต่จีนสามารถตอบโต้ด้วยมาตรการอื่นๆ แทน เช่น กำหนดโควต้าสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ หรือจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปสหรัฐฯ หรือจำนวนนักเรียนนักศึกษาที่ไปศึกษาต่อในสหรัฐฯ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: