ทรัมป์คืนบัลลังก์ทำเนียบขาว! “เรื่องเศรษฐกิจ ทรัมป์เป็นคนพูดตรงไปตรงมา

กกร. ชี้ ทรัมป์คืนบัลลังก์ทำเนียบขาว การค้าโลกเดือด! โดยหลังจากนี้ทรัมป์เพ่งเล็งไปยังประเทศที่ได้ดุลการค้า ยึดนโยบาย America First สนั่นมอง “เรื่องเศรษฐกิจ ทรัมป์เป็นคนพูดตรงไปตรงมา” ไทยต้องเตรียมรับมือ Trade War ทวีความรุนแรง หวั่นสินค้าจีนถูกตั้งกำแพงภาษีซึ่งจะทะลักเข้ามาในภูมิภาคมากขึ้น

วันนี้ (6 พฤศจิกายน) สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า ภาคเอกชนจับตาผลการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิด ซึ่งในช่วงเช้าก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมสังเกตการณ์ที่สถานทูตสหรัฐฯ เห็นได้ชัดว่าทุกคนลุ้นมากว่าใครจะได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งต้องยอมรับว่าขณะนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะ แต่คงต้องรอผลสรุปและการประกาศอย่างเป็นทางการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

“หากทรัมป์ได้รับชัยชนะกลับมาเป็นประธานาธิบดีครั้งนี้ มองว่าทรัมป์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่อง Climate Change มากนัก และจะเน้นนโยบาย America First มาเป็นอันดับแรก ที่สำคัญคือทรัมป์จะเพ่งเล็งไปยังประเทศที่ได้ดุลการค้า ถือเป็นความเสี่ยงต่อสินค้าไทยที่เกินดุลกับสหรัฐฯ คาดว่าจะกระทบการส่งออกไทยผ่านมาตรการขึ้นภาษีการนำเข้าและการกีดกันทางการค้ารอบใหม่ โดยเฉพาะสินค้าจีนที่ถูกตั้งกำแพงภาษีอาจทะลักเข้ามาในภูมิภาคมากขึ้น”

โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เกินดุลการค้าสูงและมูลค่าการส่งออกขยายตัวได้ดี เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เซมิคอนดักเตอร์ ยางล้อ และกลุ่มสินค้าที่เกินดุลการค้าปานกลางและมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวรวดเร็ว เช่น เครื่องปรับอากาศ โซลาร์เซลล์ ภาครัฐและผู้ประกอบการต้องเตรียมหาแนวทางร่วมกันในการรับมือกับนโยบายที่อาจเปลี่ยนแปลง

“เรื่องเศรษฐกิจ ทรัมป์เป็นคนพูดตรงไปตรงมาและจะเพ่งเล็งไปยังประเทศที่ได้ดุลการค้า หากมีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ไทยก็คงไม่เสียเปรียบมากเท่าจีน” สนั่นกล่าว

เช่น การขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้า EV จากจีน ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นการย้ายฐานผลิต EV จากจีนมาไทย ดังนั้นเชื่อว่าจะมีการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ไทยก็ต้องไม่ทำให้สหรัฐฯ รู้สึกว่าจีนแค่ย้ายฐานการผลิตมา และยังใช้ซัพพลายทั้งหมดจากจีน ไม่ใช้ Made in Thailand อย่างแท้จริง ดังนั้นซัพพลายควรจะเป็นของไทย ซึ่งผู้ประกอบการไทยก็ต้องพร้อมเสิร์ฟซัพพลายทั้งหมด เราได้หารือกับบอร์ด BOI ในเรื่องของการลงทุนจีน ซึ่งต้องย้ำว่าจีนต้องมาพร้อมกับการลงทุน Local Content มากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ของทรัมป์ไม่ใช่เรื่องใหม่ เมื่อครั้งที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ทุกภาคส่วนก็แสดงถึงความจริงใจที่ไทยจะไปลงทุนที่สหรัฐฯ จึงคิดว่าไทยจะสามารถจัดการและปรับตัวได้ สหรัฐฯ ทิ้งไทยไม่ได้อยู่แล้ว เพราะไทยมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์และมีความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐฯ”

แต่หากผู้ชนะคือ คามาลา แฮร์ริส กติกาต่างๆ ของโลกจะถูกเน้นย้ำและให้ความสำคัญมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น IMF, WTO, World Bank, สิทธิมนุษยชน, สิ่งแวดล้อม ซึ่งตรงกันข้ามกับทรัมป์

“สิ่งที่ต้องจับตาจากนี้ สินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นสินค้าจำเป็น หากขึ้นภาษี สินค้าในสหรัฐฯ ก็แพงขึ้น เงินเฟ้อมากขึ้น หรือทรัมป์อาจไม่ปรับลดดอกเบี้ยแบบพรรคเดโมแครต ไทยเองก็ต้องเฝ้าติดตามการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ เราประมาทไม่ได้”

สนั่นกล่าวอีกว่า ปีนี้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงชัดเจน จึงคาดการณ์ GDP โลกทั้งปีมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่ำ การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคมของประเทศสำคัญ ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ต่างหดตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะขยายตัวที่ 3.2% ส่วนปีหน้ามีแนวโน้มทรงตัว ทั้งนี้ ยังเตือนว่าเศรษฐกิจโลกระยะข้างหน้ายังมีความเสี่ยงจากหลายปัจจัยหลัก ได้แก่ 1. การกีดกันทางการค้าที่รุนแรงขึ้น 2. อัตราเงินเฟ้อที่กลับมาเร่งตัวจากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ 3. ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่แย่กว่าคาด

ขณะที่เศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 2.6-2.8% สูงกว่าประมาณการเดิม จากแรงขับเคลื่อนของการส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรขาขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งผลให้การส่งออกสามารถเติบโตได้ 2.5-2.9% สูงกว่าประมาณการเดิม ประกอบกับมีปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นกำลังซื้อและการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ โดยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั้งปีอยู่ในช่วง 0.5-1.0%

นอกจากนี้ เอกชนเห็นด้วยกับกฎหมายเกี่ยวกับการเช่าที่ดินระยะยาว 99 ปีของรัฐบาล เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ถือเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและสร้างความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า