ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการ โดยให้เหตุผลว่าภาษีเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการผลิตของสหรัฐฯ และจ้างงานคนในประเทศ
ทรัมป์ต้องการลดช่องว่างระหว่างมูลค่าของสินค้าที่สหรัฐฯ ซื้อจากประเทศอื่น และสินค้าที่ขายให้กับประเทศเหล่านั้น และอ้างว่าอเมริกาถูก ‘คนโกง’ และ ‘ปล้นสะดม’ โดยชาวต่างชาติมานาน
แต่นับจากคำประกาศก็ทำให้เศรษฐกิจโลกปั่นป่วน และอาจทำให้สินค้าของผู้บริโภคในสหรัฐฯ มีราคาแพงขึ้นเสียเอง
มีเพียงสหราชอาณาจักรที่บรรลุข้อตกลงเรื่องภาษีนำเข้า ส่วนประเทศอื่นๆ ก็หวังว่าจะบรรลุข้อตกลงกับทำเนียบขาวได้ในเร็ววัน
ทว่าก่อนที่จะครบกำหนดที่ทรัมป์ยืด 90 วัน ล่าสุด วันนี้ (29 พ.ค.) ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (US Court of International Trade) มีคำตัดสินว่า มาตรการกำแพงภาษีทั่วโลก (Global Tariff) ส่วนใหญ่ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำนั้นขัดต่อกฎหมาย
แม้ผลกระทบโดยตรงของคำตัดสินของศาลยังไม่ชัดเจน แต่ทำเนียบขาวได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว
กว่า 2 เดือน นับจากวันปลดแอก 2 เม.ย. ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษี ใครบ้างที่โดนหางเลข?
สหภาพยุโรป (EU)
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทรัมป์กล่าวว่าจะให้ขึ้นภาษี 50% สำหรับสินค้าทั้งหมดจากสหภาพยุโรปที่นำเข้ามายังสหรัฐฯ
ในตอนแรกเขาเสนอให้ขึ้นภาษี 20% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ของสหภาพยุโรป แต่ได้ลดลงเหลือ 10% จนถึงวันที่ 8 กรกฎาคม เพื่อให้มีเวลาสำหรับการเจรจา โดยเขียนในโพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า “การหารือกับสหภาพยุโรปไม่ได้ผลอะไรเลย!” ดังนั้น ภาษีใหม่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน”
แต่วันถัดมา ทรัมป์ระบุว่าเพิ่งได้รับแจ้งว่า EU ติดต่อมาเพื่อเร่งกำหนดวัน ซึ่งถือเป็นเรื่องดี และหวังว่าพวกเขาจะยอมเปิดตลาดให้กับสหรัฐอเมริกาในที่สุด เหมือนกับที่เขาเรียกร้องจากจีน ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า EU มีท่าที “ดึงเกม” ในการเจรจากับทำเนียบขาวเรื่องข้อตกลงการค้าอย่างมาก
จีน
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สหรัฐฯ และจีนได้เพิ่มภาษีศุลกากรอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่ปัจจุบันได้บรรลุข้อตกลงในการลดภาษีอย่างมีนัยสำคัญ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิด 5 ข้อเสนอที่ขุนคลังสหรัฐฯ เอ่ยปากชมไทย เผยเบื้องหลังกุนซือทีมไทยแลนด์ อัปเดตประเทศไหนเจรจาไปแล้วบ้าง
- สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ชื่นชมไทย อินโดนีเซีย ไต้หวัน ยื่นข้อเสนอดีเยี่ยม
- ปลัดพลังงาน-ปตท. เยือนสหรัฐฯ ลุยเจรจานำเข้าก๊าซแหล่ง Alaska LNG 3-5 ล้านตันต่อปี
หลังจากวันที่ 2 เมษายน ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้าทั้งหมดที่นำเข้ามายังสหรัฐฯ แต่บางประเทศ รวมถึงจีน ก็ต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่า ในวันนั้นจีนตอบโต้กลับด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ และการเพิ่มภาษีดังกล่าวส่งผลให้สหรัฐฯ จัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 145% เมื่อวันที่ 9 เมษายน และจีนจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ บางส่วน 125%
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และจีนได้ ‘พักรบ’ ภาษีนำเข้าสินค้าทั้งหมด ยกเว้น 10% ในช่วงที่ชะลอออกไป 90 วัน
มาตรการดังกล่าวจะทำให้สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนลงเหลือ 30% ขณะที่จีนลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ลงเหลือ 10%
แคนาดาและเม็กซิโก
แคนาดาและเม็กซิโกก็ตกเป็นเป้าหมายของทรัมป์มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เช่นกัน เมื่อเขาประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากทั้งสองประเทศ 25% และเก็บภาษีพลังงานของแคนาดา 10% แต่ทรัมป์ก็ ‘กลับลำ’ เลื่อนและยกเว้นภาษีหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งแคนาดาจึงประกาศเก็บภาษี 25% สำหรับรถยนต์บางรุ่นที่นำเข้าจากสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 9 เมษายน
เหล็กและอะลูมิเนียม
ภาษีนำเข้า 25% สำหรับเหล็กและอะลูมิเนียมทั้งหมดที่เข้าสู่สหรัฐฯ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโลหะเหล่านี้ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 12 มีนาคม
รถยนต์
ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน รถยนต์ที่ผลิตในต่างประเทศถูกเรียกเก็บภาษี 25% ซึ่งขยายเวลาให้ครอบคลุมถึงเครื่องยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ ที่นำเข้ามาตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม
สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์
วันที่ 12 เมษายน มีการประกาศยกเว้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางประเภทจากจีนและที่อื่นๆ รวมถึงสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ แต่ในเวลาต่อมาทรัมป์เตือนว่าสัมปทานดังกล่าวอาจหมดลง
ส่งผลให้เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% ‘ขั้นต่ำ’ สำหรับ iPhone ของ Apple ที่ไม่ได้ผลิตในอเมริกา
ภาพยนตร์
วันที่ 4 พฤษภาคม ทรัมป์ต้องการเรียกเก็บภาษี 100% สำหรับภาพยนตร์ต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของชาวอเมริกัน
ระงับวีซ่านักเรียน
วันที่ 28 พฤษภาคม ทรัมป์ออกคำสั่งไปยังสถานทูตและสถานกงสุลทั่วโลกให้ระงับการรับจองคิวสำหรับการยื่นขอวีซ่าของนักศึกษาต่างชาติเป็นการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าจะมีการออกระเบียบปฏิบัติสำหรับการตรวจสอบโซเชียลมีเดียของผู้สมัครวีซ่าเรียบร้อยแล้ว
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ กับวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐฯ อย่าง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งทรัมป์เชื่อว่าเป็นฝ่ายซ้ายเกินไป
สะเทือนหุ้น เศรษฐกิจโลก!
นับตั้งแต่วันประกาศภาษี เกิดความผันผวนในตลาดหุ้นโลกอย่างมาก ซึ่งบริษัทต่างๆ ขายหุ้นในธุรกิจของตน หลายคนได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นในตลาดหุ้น แม้ว่าจะไม่ได้ลงทุนในหุ้นโดยตรงก็ตาม เนื่องจากผลกระทบต่อเงินบำนาญ การจ้างงานและอัตราดอกเบี้ย
มูลค่าของดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งโดยปกติถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ก็ลดลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเช่นกัน
ราคาหุ้นตกต่ำลง ส่งผลอย่างไร ทำไมดอลลาร์สหรัฐตกจึงมีความสำคัญ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปี 2025 อันเป็นผลจากภาษีศุลกากรอีกด้วย
โดยคาดว่าสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด และระบุว่าสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้นในปี 2025
ขณะที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งครบ 100 วัน กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวลงในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2025 หลังจากเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสก่อนหน้า
ท่ามกลางประธานาธิบดียืนกรานว่านโยบายของเขาได้ผล แต่อีกเสียงที่มีอิทธิพลภายในพรรครีพับลิกันของเขาเองได้เข้าร่วมกับพรรคเดโมแครตฝ่ายค้านและผู้นำต่างประเทศในการโจมตีมาตรการดังกล่าว
เพราะราคาสินค้าที่นำเข้าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจต่างๆ ส่งต่อต้นทุนที่สูงขึ้นบางส่วนหรือทั้งหมด
ผู้ผลิต adidas และ Mattel ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกหลายแห่ง ต่างเห็นตรงกันว่าจะเรียกเก็บเงินจากลูกค้าชาวอเมริกันมากขึ้น
จนบริษัทบางแห่งอาจตัดสินใจนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศน้อยลง ซึ่งอาจทำให้สินค้าที่มีจำหน่ายมีราคาแพงขึ้น คาดว่าต้นทุนของสินค้าที่ผลิตในสหรัฐฯ โดยใช้ส่วนประกอบนำเข้าจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ภาษีทรัมป์กระทบ ‘ไทยยูเนี่ยน-เดลต้า’ หวั่นกดดันกำไร
แม้ว่าล่าสุด ศาลการค้าสหรัฐได้สั่งห้าม แต่ดูเหมือนรัฐบาลทรัมป์ ‘ไม่ยอม’ และอาจประวิงเวลา เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อ
Nikkei Asia รายงานว่า สำหรับบริษัทเอกชนไทย อย่าง ‘ไทยยูเนี่ยน’ ผู้ผลิตและส่งออกปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ ได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ลง ขณะที่ ‘เดลต้า ประเทศไทย’ ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ก็ห่วงว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นหลังเดือนกรกฎาคม
โดยไทยยูเนี่ยน ผู้ผลิตแบรนด์ ‘Chicken of the Sea’ ในสหรัฐฯ ได้ปรับลดเป้าการเติบโตของยอดขายทั้งปี จากเดิมที่คาดไว้ 3-4% เหลือเพียง 1-3%
การปรับเปลี่ยนดังกล่าวจะส่งผลให้ยอดขายลดลงมากถึงราว 27 ล้านดอลลาร์ หรือราว 900 ล้านบาท บริษัทระบุว่าจะปรับลดการลงทุนปีนี้ลงมากถึง 2,000 ล้านบาท เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของสภาพคล่องเงินสด
ขณะที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน โดย วิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ประเทศไทย กล่าวในการแถลงข้อมูลแก่นักลงทุนว่า นโยบายภาษีสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป
“แม้แนวโน้มความต้องการจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปจนถึงเดือนมิถุนายน จากคำสั่งซื้อช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนที่การชะลอเก็บภาษีเพิ่มเติม ที่จะสิ้นสุดลงในเดือนกรกฎาคม หลังจากนั้นหากอัตราภาษีเกิน 15% ลูกค้าจะไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้
ภาพ: Demetrius Freeman / The Washington Post via Getty Images
อ้างอิง:
- https://asia.nikkei.com/Economy/Trade-war/Trump-tariffs/Trump-tariffs-pinch-Southeast-Asian-firms-from-tuna-to-electronics?fbclid=IwQ0xDSwKlC7xleHRuA2FlbQIxMAABHkZ4Xyk_wB7svDfadiseRfg2FDNQp6Kjc8jq2ujy1cJw17Cjq02L9mcwowSS_aem_Z_QD8UaJkKez92fmmc-caA
- https://www.bbc.com/news/articles/cn93e12rypgo