สถานการณ์ความตึงเครียดของกำแพงภาษีทรัมป์กำลังส่งผลกระทบอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสหรัฐฯ อย่างหนัก เมื่อนักท่องเที่ยวยุโรปยกเลิกเดินทางไปสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง
สะท้อนจากข้อมูลของสำนักงานการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (ITA) ระบุว่า ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวยุโรปลดลงถึง 17% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะไอร์แลนด์ นอร์เวย์ เยอรมนี แคนาดา และสหราชอาณาจักร ที่ลดลงมากกว่า 20%
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวเกิดจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือความกังวลเกี่ยวกับการควบคุมชายแดนที่เข้มงวดและกระแสข่าวลบที่เกิดขึ้นจากการจัดการกับผู้เดินทางที่ชายแดน นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงความรู้สึกไม่เป็นมิตรที่บางคนรู้สึกเมื่อเดินทางเข้าสหรัฐฯ โดยเฉพาะจากกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ
เรียกได้ว่าสร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจแน่นอน เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีสัดส่วนประมาณ 2.5% ของ GDP ในสหรัฐฯ โดยสำนักการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า ในปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายมากกว่า 253,000 ล้านดอลลาร์ โดยยอดใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 19%
“เราตัดสินใจยกเลิกแผนเดินทางไปซานฟรานซิสโกในเดือนพฤษภาคมที่ใกล้จะถึงนี้ หลังจากที่ได้เห็นข่าวเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวที่ถูกควบคุมตัวที่ชายแดนสหรัฐฯ ยิ่งฉันเป็นคนข้ามเพศก็ยิ่งกังวลและจากนี้ไม่รู้เลยว่าตัวฉันจะกลับไปเที่ยวสหรัฐฯ อีกหรือไม่” Gloria Sync ศิลปินและนักเขียนจากเมืองน็อตติงแฮม ประเทศอังกฤษ กล่าว
อีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบที่สุดคือสายการบิน สะท้อนได้จากการลดลงของการจองเที่ยวบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก โดยบริษัทสายการบินบางแห่งได้เริ่มลดราคาค่าโดยสารเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แต่ก็ยังไม่เป็นผล จากผลความไม่แน่นอนของรัฐบาลสหรัฐฯ
ด้านผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเตือนว่า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นอาจทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนและการใช้จ่ายที่ลดลง และในปีนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าการเดินทางระหว่างประเทศอาจลดลงถึง 9.4%
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังแสดงถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นให้ระยะอันใกล้นี้
ภาพ: ANNVIPS / Shutterstock
อ้างอิง: