เกาหลีเหนือยกย่องว่าการพบกันระหว่างคิมจองอึนและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่เขตปลอดทหารบริเวณพรมแดนเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะรื้อฟื้นและผลักดันการเจรจาให้เกิดผลลัพธ์บวกเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีให้สำเร็จ
คิมจองอึนได้ตอบรับคำเชิญของทรัมป์ หลังทรัมป์ทวีตข้อความเสนอขอจับมือทักทายกับคิมที่เขตปลอดทหาร (DMZ) ในระหว่างที่ผู้นำสหรัฐฯ เยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (29 มิ.ย.)
การพบปะกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือมีขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ เนื่องจากทรัมป์ถือเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่เดินข้ามไปยังเขตแดนของเกาหลีเหนือ
สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงานว่าการจับมือกันครั้งประวัติศาสตร์ที่หมู่บ้านพักรบ ‘ปันมุนจอม’ ของผู้นำทั้งสองถือเป็นเหตุการณ์ที่มหัศจรรย์ โดยสถานที่แห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการแบ่งแยกระหว่างสองเกาหลี
การพบกันของสองผู้นำโดยที่ไม่มีการเตรียมการมาก่อนล่วงหน้าถือเป็นการส่งสัญญาณบวกมากมาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผู้นำเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ก็เคยพบกันครั้งแรกที่นี่ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่านับเป็นเกียรติที่คิมจองอึนเชิญเขาก้าวข้ามพรมแดนเกาหลี และเขาก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ก้าวข้ามเส้นแบ่งเขตแดนนั้น
สื่อเกาหลีเหนือระบุว่าทรัมป์และคิมจองอึนเห็นพ้องที่จะจัดการประชุมในระดับคณะทำงานว่าด้วยปัญหานิวเคลียร์ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเพื่อสานต่อการเจรจา หลังจากที่หยุดชะงักไปตั้งแต่ซัมมิตทรัมป์-คิมที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นอกจากการประชุมระดับคณะทำงานแล้ว ทรัมป์ยังพูดถึงแนวคิดการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ฝ่ายเกาหลีเหนือเน้นย้ำมาตลอด ขณะเดียวกันทรัมป์ยังเผยด้วยว่าได้เชื้อเชิญคิมจองอึนเดินทางไปเยือนทำเนียบขาวด้วย โดยทรัมป์ระบุว่าทริปดังกล่าวจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
ด้าน ชินบอมชูล นักวิเคราะห์จากสถาบันนโยบายศึกษาอาซาน แสดงความเห็นว่าการรายงานข่าวของ KCNA เกี่ยวกับการพบกันระหว่างทรัมป์และคิมถือเป็นการโฆษณาชวนเชื่อที่ช่วยเชิดชูเกียรติของคิมจองอึนในฐานะผู้นำที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในภูมิรัฐศาสตร์อย่างมากมาย
“จุดประสงค์ก็คือการกอบกู้ภาพลักษณ์ที่เสียหายของคิม หลังจากที่เขากลับมาจากซัมมิตฮานอยโดยที่มือเปล่า” ชินบอมชูลกล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: