เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวโจมตีหัวเว่ย บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีโทรคมนาคมจากจีน ว่าเป็น ‘ตัวอันตราย’ พร้อมชี้ว่า อาจจะเป็นหนึ่งในข้อตกลงในประเด็นสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
“หัวเว่ยเป็นอะไรที่อันตรายมากๆ คุณลองมองจากสิ่งที่พวกเขาทำ จากมุมมองด้านความปลอดภัย มุมมองด้านการทหารสิ มันอันตรายมากๆ เลยนะ”
ถึงอย่างนั้นก็ดี ทรัมป์แย้มว่า ยังมีโอกาสที่วอชิงตันจะบรรลุข้อตกลงร่วมกับปักกิ่ง เพื่อยุติความขัดแย้งในประเด็นสงครามการค้าที่เกิดขึ้น “ถ้าเรามีการเจรจาเพื่อหาข้อตกลงกัน ผมจินตนาการได้ว่า มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่หัวเว่ยจะถูกรวมอยู่ในข้อตกลงทางการค้าด้วย”
ต่อประเด็นเดียวกันนี้ หวังอี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า จีนพร้อมจะสู้กับสหรัฐฯ จนวินาทีสุดท้าย พร้อมตำหนิว่า สหรัฐฯ ใช้อำนาจรัฐในทางที่มิชอบ เพื่อกดดันบริษัทเอกชนจีนอย่างหัวเว่ยโดยพลการ ไม่ต่างอะไรจากการกลั่นแกล้งให้เกิดความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจ
เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ได้ออกมาตรการฐานลงดาบแบนหัวเว่ย โดยสำนักอุตสาหกรรมและความมั่นคง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้เพิ่มชื่อบริษัท Huawei Technologies ลงไปในบัญชี ‘Entity List’ เนื่องจากมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ส่งผลให้บริษัทในสหรัฐฯ ไม่สามารถดำเนินธุรกิจกับหัวเว่ยได้อีกต่อไป แม้ภายหลังจะผ่อนปรนการบังคับใช้โทษดังกล่าวออกไปอีก 90 วัน แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็ดูจะหนักหนาสาหัส และสะเทือนไปทั้งห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- www.bloomberg.com/news/articles/2019-05-23/trump-says-huawei-could-be-part-of-trade-deal-with-china?utm_source=twitter&utm_medium=social&cmpid=socialflow-twitter-business&utm_content=business&utm_campaign=socialflow-organic
- news.yahoo.com/two-japanese-carriers-britains-ee-postpone-release-huawei-113018444.html
- www.bbc.com/news/business-48392021