×

State of the Union ครั้งแรกของทรัมป์มีอะไรซ่อนอยู่บ้าง?

01.02.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins read
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงนโยบายประจำปี หรือ State of the Union ต่อสภาคองเกรสเป็นครั้งแรก และใช้เวลาพูดนานเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์
  • เรตติ้งคนรับชมถ่ายทอดทางโทรทัศน์น้อยกว่า State of the Union ของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ในปี 2010  
  • ประเทศที่ทรัมป์พูดถึงมากที่สุดคือเกาหลีเหนือ แต่เลี่ยงกล่าวถึงนโยบายต่างประเทศต่อจีนและรัสเซีย

เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส หรือที่เรียกว่า State of the Union ท่ามกลางการจับตาจากทั่วโลก เนื่องจากเป็น State of the Union ครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2017

 

 

State of the Union คืออะไร? สำคัญอย่างไร?

 

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ State of the Union (SOTU) กันสักนิด State of the Union คือการแถลงนโยบายประจำปีและการรายงานผลงานในรอบปีของประธานาธิบดีสหรัฐ ต่อสภาคองเกรสที่อาคารรัฐสภา (U.S. Capitol) แต่ State of the Union จะไม่นับการแถลงของประธานาธิบดีในปีแรกของการดำรงตำแหน่ง และโดยปกติแล้ว SOTU มักจัดขึ้นในวันอังคาร และได้รับความสนใจจากชาวอเมริกันทั่วประเทศ เนื่องจากพวกเขาต้องการฟังผลงานและการจัดลำดับความสำคัญในด้านนโยบายของประธานาธิบดีในปีนั้นๆ

 

สำหรับทรัมป์แล้ว State of the Union ถือเป็นโอกาสอันดีในการประกาศผลงานต่างๆ ของเขาให้โลกได้รับรู้ โดยเฉพาะผลงานด้านเศรษฐกิจ แต่นอกเหนือจากนั้นยังมีข้อมูลและเกร็ดน่าสนใจมากมายจาก State of the Union ครั้งนี้ ซึ่ง THE STANDARD ได้รวบรวมมาไว้ที่นี่แล้ว   

 

 

ทรัมป์ตีปี๊บผลงานรัฐบาล

 

  • ทรัมป์ประกาศว่านับตั้งแต่เขาชนะการเลือกตั้ง รัฐบาลสามารถสร้างงานใหม่เพิ่ม 2.4 ล้านตำแหน่ง จำนวนนี้เป็นงานใหม่ในอุตสาหกรรมการผลิต 200,000 ตำแหน่ง
  • ส่วนอัตราว่างงานของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันก็ลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตัวเลขคนผิวสีตกงานอยู่ที่ระดับ 6.8% ในเดือนธันวาคม ปี 2017 ขณะที่อัตราว่างงานทั่วประเทศก็อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 45 ปี
  • ทรัมป์ยังพูดถึงผลงานการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งนับจากวันที่เขาชนะการเลือกตั้งในปลายปี 2016 โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 8,000 จุด หรือ 44% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้น 24% ในช่วงปีแรกที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง
  • การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นช่วยเพิ่มความมั่งคั่งให้กับคนอเมริกันคิดเป็นมูลค่า 8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่ Washington Post ระบุว่า ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นไม่ได้กระจายไปให้กับคนอเมริกันส่วนใหญ่ แต่ไปตกอยู่กับกลุ่มคนเพียง 50% ที่มีหุ้นโดยตรงหรือผ่านทางกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • แน่นอนว่าไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับกฎหมายปฏิรูปภาษีมูลค่า 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐที่ทรัมป์และทีมงานพยายามผลักดันมาเป็นปี ทรัมป์ระบุว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวถือเป็นการปฏิรูปโครงสร้างระบบภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ แต่คณะกรรมการพิจารณาจัดทำงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ เคยประมาณการไว้ในเดือนตุลาคมปีที่แล้วว่า กฎหมายปฏิรูปภาษีของทรัมป์มีมูลค่าต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP คิดเป็นสัดส่วนสูงเป็นลำดับที่ 12 นับจากปี 1918 และเมื่อคำนวณโดยปรับข้อมูลเงินเฟ้อแล้ว กฎหมายภาษีของทรัมป์จะมีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 4 นับจากปี 1940

 

ไม่ค่อยมีนโยบายอะไรใหม่ๆ

 

  • หากใครรอฟังทรัมป์แถลงนโยบายใหม่ๆ ในปีนี้คงต้องผิดหวังไปตามๆ กัน เพราะเขาไม่ได้พูดถึงนโยบายใหม่ๆ มากนัก เพียงแต่บอกว่าจะใช้คำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีเพื่อเปิดใช้ทัณฑสถานในอ่าวกวนตาดาโม ประเทศคิวบา ต่อไป รวมทั้งเล็งเพิ่มแสนยานุภาพของอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง และขู่ตัดงบช่วยเหลือประเทศต่างๆ ที่ไม่ให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ

 

 

เมินพูดถึง ‘จีน-รัสเซีย’ ในนโยบายต่างประเทศ

  • ทรัมป์พูดถึงความสำเร็จของปฏิบัติการทางทหารในการขับไล่กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (IS) และแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจ ขณะเดียวกันก็พูดถึงความโหดร้ายของระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือ พร้อมกับยืนยันว่าจะจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้กับกระทรวงกลาโหมและกองทัพ
  • แต่ทรัมป์ไม่ได้พูดถึงนโยบายต่างประเทศหลักๆ ที่ผู้คนจับตาดูอยู่ ทั้งในเรื่องการรับมือกับ ‘ชาติมหาอำนาจลัทธิแก้’ อย่างจีนและรัสเซียที่กลายมาเป็นประเทศคู่แข่งและถูกจัดอันดับเป็นภัยคุกคามความมั่นคงหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ทรัมป์ยังไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการส่งทหารไปสู้รบในอัฟกานิสถานและซีเรียที่ดำเนินยืดเยื้อมาหลายปี รวมถึงสงครามกลางเมืองในเยเมนที่สหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้อง และการขยายบทบาทของกองทัพสหรัฐฯ ในทวีปแอฟริกา

 

สีสันระหว่างแถลง

  • ในขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกัน รวมถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภาลุกขึ้นปรบมือเกรียวกราวขานรับถ้อยแถลงเกือบทุกประโยคของทรัมป์ กล้องได้จับภาพไปที่สมาชิกเดโมแครตหลายคนที่นั่งนิ่งด้วยใบหน้าขึงขังบ่อยครั้ง โดยเฉพาะ ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา และ แนนซี เพโลซี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร เหตุผลก็เพราะสมาชิกเดโมแครตส่วนใหญ่ไม่พอใจที่ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามยกเลิกข้อบังคับที่กำหนดให้ทุกคนต้องถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพตามกฎหมาย Affordable Care Act หรือ ‘โอบามาแคร์’ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบแดงของบารัก โอบามา   

 

เรตติ้งน้อยกว่า ‘โอบามา’ ตอนแถลงปี 2010

  • นีลเส็น บริษัทวิจัยและบริการข้อมูลชั้นนำเผยว่า มีผู้รับชม State of the Union ครั้งแรกของทรัมป์จำนวน 45.6 ล้านคน แบ่งเป็นรับชมผ่านเครือข่ายเคเบิล เช่น Fox News รวม 17.3 ล้านคน และเครือข่ายบรอดแคสต์ช่อง ABC, CBS, NBC และ Fox ประมาณ 23.1 ล้านคน เรตติ้งดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าเมื่อครั้งที่เขาแถลงต่อรัฐสภาครั้งแรกหลังรับตำแหน่งใหม่ๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ซึ่งครั้งนั้นมีผู้ชม 47.7 ล้านคน นอกจากนี้เรตติ้งยังต่ำกว่า State of the Union ครั้งแรกของบารัก โอบามา ในปี 2010 ซึ่งมีผู้ชม 48 ล้านคน ขณะที่การแถลงนโยบายต่อสภาคองเกรสครั้งแรกของโอบามาในปี 2009 มีผู้ชมมากถึง 52.4 ล้านคน  

        

เกร็ดน่าสนใจอื่นๆ

  • ทรัมป์ใช้เวลาในการแถลง State of the Union ทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 20 นาที นานสุดเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาตร์ เป็นรองเพียง บิล คลินตัน ที่เคยพูดนาน 1 ชั่วโมง 28 นาที ในปี 2000 และ 1 ชั่วโมง 24 นาทีในปี 1995     
  • นอกจาก บิล คลินตัน แล้ว ในอดีตเคยมีประธานาธิบดีอีกเพียง 2 คนจาก 9 คนหลังสุดที่ใช้เวลาแถลง State of the Union นานเกิน 1 ชั่วโมง ซึ่งได้แก่ ลินดอน บี จอห์นสัน และบารัก โอบามา
  • 5 คำที่ทรัมป์ใช้บ่อยสุดใน State of the Union ครั้งแรก คือ
  1. ‘สร้าง/กำลังสร้าง’ 14 ครั้ง
  2. ‘การอพยพ/ผู้อพยพ’ 11 ครั้ง
  3. ‘ก่อการร้าย’ 9 ครั้ง
  4. ‘เสรี/เสรีภาพ’ 9 ครั้ง
  5. ‘ลดภาษี/ปฏิรูป’ 7 ครั้ง
  • ประเทศที่ทรัมป์พูดถึงบ่อยที่สุดคือ เกาหลีเหนือ รวม 7 ครั้ง 
  • เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ เดินทางมาอาคารรัฐสภา หรือ Capitol เพียงคนเดียว และยืนต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาฟัง SOTU โดยที่ไม่มีสามีอยู่ข้างกายเช่นกัน
  • โพล CBS News สำรวจความเห็นจากคนที่รับชมการถ่ายทอดสด State of the Union ของทรัมป์ โดยพบว่า 75% มีความพึงพอใจกับสิ่งที่ทรัมป์พูด แต่อีก 25% ไม่พอใจ และเมื่อถามถึงความรู้สึกหลังรับชม พบว่า 65% มีความภูมิใจ ขณะที่ 35% รู้สึกปลอดภัยขึ้น แต่อีก 14% รู้สึกหวาดกลัว และ 21% บอกว่าพวกเขารู้สึกฉุน

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X