โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่งสร้างศูนย์กักกันผู้อพยพที่ฐานทัพเรือของสหรัฐฯ ในอ่าวกวนตานาโมของคิวบา ซึ่งฐานทัพแห่งนี้สามารถรองรับผู้อพยพได้ถึง 30,000 คน โดยแยกจากเรือนจำความมั่นคงสูงของทหาร และจะใช้สำหรับกักขัง ‘ผู้อพยพผิดกฎหมายที่เป็นอาชญากรที่อันตรายที่สุดที่คุกคามประชาชนอเมริกัน’
อ่าวกวนตานาโมถูกใช้เป็นสถานที่กักกันผู้อพยพมาเป็นเวลานาน ซึ่งถูกวิจารณ์จากกลุ่มสิทธิมนุษยชนบางกลุ่ม หลังจากนั้น ทอม โฮแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านชายแดนของทรัมป์ กล่าวว่า ศูนย์ที่มีอยู่จะได้รับการขยายและบริหารโดยกรมตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (ICE)
ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวว่า ผู้อพยพจะถูกส่งตัวไปที่อ่าวกวนตานาโมได้โดยตรงที่ฐานทัพสหรัฐฯ ที่ยึดมาจากคิวบา และจะมีการใช้ ‘มาตรฐานการกักกันที่สูงที่สุด’ แต่ในเวลานี้ยังไม่ชัดเจนว่าศูนย์นี้จะมีค่าใช้จ่ายเท่าไรและจะเสร็จสิ้นเมื่อไร
การประกาศของทรัมป์เกิดขึ้นในขณะที่เขาลงนามในกฎหมาย ‘Laken Riley Act’ ซึ่งกำหนดให้ผู้อพยพที่ไม่ได้รับอนุญาตจากการถูกจับในข้อหาขโมยหรืออาชญากรรมรุนแรงต้องถูกกักขังในคุกระหว่างรอการพิจารณาคดี
ร่างกฎหมายนี้ตั้งชื่อตามนักศึกษาพยาบาลจากจอร์เจียที่ถูกฆาตกรรมเมื่อปีที่แล้วโดยผู้อพยพชาวเวเนซุเอลา และได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นชัยชนะทางกฎหมายครั้งแรกสำหรับการบริหารของทรัมป์
ขณะที่การลงนามที่ห้อง East Room ของทำเนียบขาว ทรัมป์สั่งการให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ‘เริ่มเตรียม’ ศูนย์กักกันที่มีเตียงรองรับ 30,000 เตียง นอกจากนี้ทรัมป์ยังกล่าวว่า “บางคนเลวร้ายจนเราไม่เชื่อมั่นในประเทศของพวกเขาว่าจะสามารถกักขังพวกเขาได้ เพราะเราไม่ต้องการให้พวกเขากลับมา ดังนั้นเราจะส่งพวกเขาไปที่กวนตานาโม มันเป็นที่ที่ยากจะหลบหนี”
ด้านรัฐบาลคิวบาออกมาประณามแผนสั่งการนี้ของทรัมป์ โดยกล่าวหาว่าสหรัฐฯ ใช้การทรมานและการกักขังอย่างผิดกฎหมายใน ‘ดินแดนที่ถูกยึดครอง’
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ใช้ศูนย์ในอ่าวกวนตานาโมที่รู้จักกันในชื่อ Guantanamo Migrant Operations Center (GMOC) มานานหลายทศวรรษ ภายใต้การบริหารของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ขณะที่รายงานปี 2024 โครงการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยระหว่างประเทศ (IRAP) กล่าวหาว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กักขังผู้อพยพในอ่าวกวนตานาโมในสภาพที่ ‘ไร้มนุษยธรรม’ โดยไม่มีกำหนด หลังจากที่พวกเขาถูกจับกุมที่ทะเล
ภาพ: Elizabeth Frantz / Reuters
อ้างอิง: