สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จัดการอภิปรายในญัตติขอถอดถอนประธานาธิบดีครั้งประวัติศาสตร์ จากความผิดใช้อำนาจโดยมิชอบและขัดขวางกระบวนการตรวจสอบของสภาคองเกรส ซึ่งช่วงค่ำวานนี้ (18 ธันวาคม) ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย) ส.ส. ได้ลงมติเห็นควรให้ถอดถอน โดนัลด์ ทรัมป์ พ้นจากตำแหน่ง ด้วยเสียงสนับสนุน 230 ต่อ 197 คะแนน ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบในการดึงพันธมิตรต่างชาติมาช่วยสอบสวน โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคู่แข่งทางการเมืองของทรัมป์ ก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2020
สำหรับความผิดที่ 2 คือขัดขวางกระบวนการตรวจสอบของรัฐสภานั้น ก็ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรเช่นกัน ด้วยคะแนนสนับสนุน 229 ต่อ 198 คะแนน
กระบวนการหลังจากนี้คือ การพิจารณาในวุฒิสภา ซึ่งความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะถูกโหวตถอดถอนมีไม่มาก เนื่องจาก ส.ว. รีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา โดยขั้นตอนนี้ต้องใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 จึงจะถอดถอนสำเร็จ
ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ถัดจาก แอนดรูว์ จอห์นสัน และ บิล คลินตัน ที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่งโดยสภาล่าง หลังเผชิญกล่าวหาว่า พยายามดึงรัฐบาลต่างชาติมาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2020 โดยการกดดันให้ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน เปิดฉากสอบสวนข้อกล่าวหาคอร์รัปชันของ โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีจากเดโมแครต รวมถึงบุตรชายของเขา ฮันเตอร์ ไบเดน สืบเนื่องจากผลประโยชน์ทับซ้อนในบริษัทพลังงานของยูเครน
การโหวตถอดถอนครั้งประวัติศาสตร์ดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่ทรัมป์เดินทางไปปราศรัยหาเสียงที่รัฐมิชิแกน โดยก่อนหน้านี้เขาได้ส่งจดหมายถึง แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อทักท้วงกระบวนการถอดถอนดังกล่าว พร้อมประณามสมาชิกเดโมแครตว่า พยายามรัฐประหารเพื่อกำจัดเขาให้พ้นจากตำแหน่ง
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล