ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังดำเนินการยกเลิกข้อกำหนดในการจำกัดการติดต่อระหว่างเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ และไต้หวัน ที่รัฐบาลสหรัฐฯ บังคับใช้มานานหลายทศวรรษ โดยมีจุดเริ่มต้นจากความพยายามเอาใจรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ ที่อ้างสิทธิ์ครอบครองเหนือเกาะไต้หวัน และมองไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของจีน
ซึ่งปอมเปโอ ชี้ว่าเป็นข้อกำหนดที่มีความซับซ้อน และทำให้เกิดข้อจำกัดในการติดต่อระหว่างนักการทูตอเมริกันและไต้หวัน
“วันนี้ ผมกำลังประกาศว่าผมจะถอนข้อกำหนดทั้งหมดเหล่านี้ที่เราตั้งขึ้นมาเอง ถ้อยแถลงในวันนี้ตระหนักดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันนั้น ไม่จำเป็นและไม่ควรถูกผูกมัดด้วยข้อจำกัดของระบบทางการถาวรที่เรากำหนดขึ้นเอง” ปอมเปโอ กล่าว พร้อมเสริมว่า ไต้หวันเป็นดินแดนที่เปี่ยมไปด้วยประชาธิปไตย และเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ของสหรัฐฯ ซึ่งข้อจำกัดดังกล่าวนั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ เนื้อหาแถลงการณ์ชี้ว่า ข้อกำหนดดังกล่าวถือเป็นโมฆะแล้วในตอนนี้ ขณะที่คาดว่าความเคลื่อนไหวของวอชิงตันครั้งนี้ อาจสร้างความไม่พอใจแก่รัฐบาลปักกิ่ง และทำให้สถานการณ์ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายที่ตึงเครียดอยู่แล้ว ร้าวลึกมากยิ่งขึ้น
สำหรับการดำเนินการดังกล่าว มีขึ้นก่อนที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะหมดวาระดำรงตำแหน่ง ขณะที่ โจ ไบเดน เตรียมสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 20 มกราคม
ซึ่งก่อนหน้านี้ ทีมถ่ายโอนอำนาจของไบเดนยืนยันว่า ไบเดนจะยังคงดำเนินนโยบายที่มีต่อไต้หวันดังเช่นที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์มองว่าการกระทำของรัฐบาลทรัมป์ที่กำลังจะหมดวาระนี้ จะสร้างความไม่พอใจแก่รัฐบาลใหม่ของไบเดนเช่นกัน แต่คาดว่า ว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่อย่างแอนโทนี บลินเคน จะพลิกการตัดสินใจครั้งนี้ได้อย่างง่ายดาย
ด้าน โจเซฟ วู รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน ทวีตข้อความภายหลังรับทราบประกาศดังกล่าว โดยแสดงความขอบคุณไปยังปอมเปโอ และบอกว่าเขารู้สึกซาบซึ้งใจในการตัดสินใจดังกล่าวของสหรัฐฯ
“การเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ นั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณค่าที่มีร่วมกัน ผลประโยชน์ส่วนรวม และความเชื่อที่ไม่หวั่นไหวในเสรีภาพและประชาธิปไตย” วู ระบุในทวีตข้อความ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนสิงหาคม อเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ ยังเป็นนักการเมืองระดับสูงสุดคนแรกของสหรัฐฯ ที่จัดการประชุมในไต้หวันในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งการกระทำดังกล่าว ส่งผลให้จีนต้องออกมาเรียกร้องรัฐบาลวอชิงตันให้เคารพในหลักการจีนเดียว
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังขายอาวุธให้แก่ไต้หวัน แม้ว่าจะไม่มีสนธิสัญญาทางทหารร่วมกัน เหมือนที่สหรัฐฯ มีต่อญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือฟิลิปปินส์ ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่รัฐบาลจีนจนขู่จะมีการตอบโต้
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
