TRUE เผยผลการดำเนินงานปี 2564 ขาดทุน 1.4 พันล้านบาท จากปี 2563 กำไร 1 พันล้านบาท สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขยายโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและดิจิทัลให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และการได้มาซึ่งใบอนุญาตการใช้งานคลื่นเพิ่มสูงขึ้น
ยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE เปิดเผยผลการดําเนินงานรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ประจําปี 2564 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 ปรากฏผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทจํานวน 1,428.40 ล้านบาท ซึ่งเปลี่ยนแปลงในอัตราที่สูงกว่า 20% จากผลการดําเนินงานสุทธิในงวดเดียวกันของปีก่อน
กลุ่มทรูมีรายได้รวม 143,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% จากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 138,212 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการให้บริการ 106,256 ล้านบาทในปี 2564 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการที่กลับมาเติบโตในไตรมาสที่ 4/64 จากการขยายตัวของฐานลูกค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ ผู้ใช้บริการบรอดแบนด์และบริการทางดิจิทัล รวมถึงรายได้จากการขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการบริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ EBITDA เติบโต 9.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 57,761 ล้านบาท โดยมี Margin จากรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 54% เปรียบเทียบกับ 49% ในปีก่อน หนุนโดยมาตรการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลบวกต่อเนื่อง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานหลักและค่าใช้จ่ายด้านการ Subsidy ลดลง
ในปี 2564 กลุ่มบริษัทขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทเป็นจำนวน 1,428.40 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิที่ 1,048.39 ล้านบาทในปีก่อนหน้า ซึ่งมีกำไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการขายหน่วยลงทุน DIF ราว 3,400 พันล้านบาทในปี 2563 โดยหากไม่รวมกำไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวดังกล่าว ความสามารถในการทำกำไรปรับตัวดีขึ้นในปี 2564 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขยายเครือข่ายและบริการ รวมถึงการได้มาซึ่งคลื่นความถี่มีจำนวนสูงขึ้น
เปิดกลยุทธ์อนาคต มุ่งเป็น Tech Company
กลุ่มทรูมุ่งมั่นสร้างการเติบโตด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและดาต้า เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการร่วมพัฒนาประเทศไทยสู่ยุคดิจิทัล เพิ่มขีดความสามารถด้านการลงทุนในโครงข่ายยุคใหม่ พร้อมเผชิญหน้าและตั้งรับต่อการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยธุรกิจโทรคมนาคมจะยังคงเป็นหนึ่งในธุรกิจหลัก พร้อมเดินหน้ามุ่งพัฒนาธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพิ่มเติมอย่าง New S-Curve และเน้นด้านเทคโนโลยี รวมไปถึง AI, Cloud Technology, IoT รวมถึงอุปกรณ์อัจฉริยะ เมือง และการอยู่อาศัยอัจฉริยะ ดิจิทัลมีเดียโซลูชัน และโซเชียลคอมเมิร์ซ
การเชื่อมต่ออย่างมีประสิทธิภาพทวีความสำคัญยิ่งขึ้นจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปพึ่งพาการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ทั้งไลฟ์สไตล์แบบดิจิทัลและการทำงานที่เชื่อมโยงระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและโลกเสมือนจริง กลุ่มทรูจึงยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและโครงข่ายโทรคมนาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีความต้องการใช้งาน 5G, IoT และไฟเบอร์บรอดแบนด์สูง
กลุ่มทรูเชื่อมั่นว่า การเปลี่ยนผ่านองค์กรดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวไทย ผลักดันความสามารถของผู้ประกอบการและองค์กรต่างๆ สู่การเป็นอุตสาหกรรมอัจฉริยะ พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัวตามนโยบาย Thailand 4.0