บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นครั้งแรกจำนวน 6.6 พันล้านบาท หลังรายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2568 ที่ 1.6 พันล้านบาท ซึ่งนับเป็นการทำกำไรต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สาม
สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5.2 พันล้านบาท การอนุมัติจ่ายปันผลที่ 6.6 พันล้านบาท (0.19 บาทต่อหุ้น) คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 125% ของกำไรสุทธิ
หากไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 3 พันล้านบาท (เกี่ยวข้องกับการด้อยค่าสินทรัพย์และการยุติบริการคลื่น 850 MHz) กำไรสุทธิหลังปรับปรุง (Normalized Net Profit) ในไตรมาส 3/2568 จะอยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท
แม้ว่ากำไรจะเติบโต แต่บริษัทรายงานจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลง โดยในไตรมาส 3/2568 มีจำนวนผู้ใช้บริการรวม 46.9 ล้านเลขหมาย ลดลง 2.4 ล้านเลขหมาย หรือ 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทรูระบุว่า การลดลงนี้เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง และกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการลดจำนวนผู้ใช้งานแบบหมุนเวียน (Rotational Gross Adds) เพื่อสร้างฐานผู้ใช้บริการที่มีคุณภาพมากขึ้น
ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 2.0% อยู่ที่ 3.8 ล้านราย ขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการ 5G อยู่ที่ 15.5 ล้านราย
ปัจจัยหลักที่หนุนการทำกำไรคือการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) ลดลง 21.6% จากปีก่อน และต้นทุนโครงข่ายลดลง 16.3% จากการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization)
สำหรับไตรมาส 3/2568 บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการได้มาซึ่งใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ และการประหยัดต้นทุน


