เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567 บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) รายงานขาดทุนสุทธิ 1.9 พันล้านบาทใน 2Q67 เทียบกับขาดทุนสุทธิ 769 ล้านบาทใน 1Q67 และขาดทุนสุทธิ 2.3 พันล้านบาทใน 2Q66 โดยใน 2Q67 TRUE บันทึกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย 4.3 พันล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 260 ล้านบาท หากตัดรายการเหล่านี้ออกไปพบว่า TRUE มีกำไรปกติ 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นแรง 166.6%QoQ และฟื้นตัวจากขาดทุนปกติ 2.3 พันล้านบาทใน 2Q66 โดยกำไรปกติสูงกว่า INVX คาด 156%
รายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ (64% ของรายได้รวม) อยู่ที่ 3.27 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8%QoQ และ 4.7%YoY โดยได้แรงหนุนจากการยกเลิกข้อเสนอการแข่งขันเชิงรุก การเพิ่มขึ้นของรายได้ที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าว และการมุ่งเน้นการเพิ่มคุณภาพของการได้มาซึ่งผู้ใช้บริการ Blended ARPU ปรับตัวดีขึ้น 1.9%QoQ และ 3.9%YoY สู่ 207 บาท โดยได้แรงหนุนทั้งจากบริการระบบเติมเงินและระบบรายเดือน
รายได้จากธุรกิจออนไลน์ (12% ของรายได้รวม) อยู่ที่ 6.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9%QoQ และ 5.5%YoY ซึ่งเป็นผลมาจากการให้ส่วนลดน้อยลง ดังที่สะท้อนให้เห็นจาก ARPU ที่เพิ่มขึ้น 2.9%QoQ และ 9.6%YoY สู่ 520 บาท ต้นทุนลดลง QoQ และ YoY อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากผลประโยชน์จากการควบรวม โดยรวมแล้วกำไรปกติ 1H67 อยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากขาดทุนปกติ 3.3 พันล้านบาทใน 1H66
ทั้งนี้ เดิม TRUE ตั้งเป้ารายได้จากการให้บริการไม่รวมรายได้จากการเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) เติบโต 3-4% ในปี 2567 และ EBITDA เติบโต 9-11% แต่ใน 1H67 TRUE รายงานรายได้จากการให้บริการไม่รวม IC เติบโต 5.6% และ EBITDA เติบโต 14.8% ดังนั้นบริษัทจึงปรับเพิ่มเป้าการเติบโตรายได้จากการให้บริการไม่รวม IC เป็น 4-5% และเพิ่มเป้าการเติบโตของ EBITDA เป็น 12-14%
กระทบอย่างไร:
ตั้งแต่หลังรายงานผลประกอบการ ถึงวันที่ 5 สิงหาคม ราคาหุ้น TRUE ปรับขึ้น 5.46% อยู่ที่ระดับ 9.65 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 2.67% สู่ระดับ 1,287.45 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:
InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติจะเติบโต QoQ และ YoY ใน 3Q67 โดยได้รับการสนับสนุนจากการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง การแข่งขันด้านราคาน่าจะยังคงไม่รุนแรงทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจ FBB ซึ่งบ่งชี้ว่า ARPU จะปรับตัวดีขึ้นได้อีก ทั้งนี้ กำไรสุทธิอาจยังคงมีตัวเลขติดลบ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย แต่ยืนยันมุมมองว่านักลงทุนควรโฟกัสที่กำไรปกติ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งกว่าคาดหนุนให้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2567 เพิ่มขึ้นสู่ 6.4 พันล้านบาท (จาก 3.1 พันล้านบาท)
InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ TRUE โดยปรับราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF เพิ่มขึ้นจาก 10 บาท สู่ 11.5 บาทต่อหุ้น (WACC 8% และการเติบโตระยะยาว 2%) โดยชอบ TRUE เนื่องจากบริษัทกำลังเข้าสู่ช่วงที่กำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
แม้ว่าราคาหุ้น TRUE ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่า SET ในระยะหลังนี้ แต่เชื่อว่าโมเมนตัมกำไรที่แข็งแกร่งและแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ดีจะช่วยสนับสนุนราคาหุ้น TRUE อย่างต่อเนื่อง หากราคาหุ้นย่อตัวจะเปิดโอกาสให้เข้าซื้อ
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อการเติบโตของรายได้ของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจ FBB ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญสำหรับ TRUE คือ ความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ และการเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท