อิทธิพลจากพายุโซนร้อนปาบึกจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราชในช่วงเย็นนี้ ส่งผลให้บริเวณพื้นที่อำเภอท่าศาลา ตำบลท่าศาลา ต้องอพยพประชาชนที่มีบ้านเรือนใกล้กับพื้นที่ชายทะเลมาพักพิงชั่วคราวตามศูนย์พักพิงที่เตรียมไว้
ฤทธิรณ บุญฤทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลท่าศาลา บอกกับ THE STANDARD ว่า ตำบลท่าศาลาได้อพยพผู้คน 8 หมู่บ้านที่ติดชายทะเลและเป็นพื้นที่เสี่ยงมากระจายอยู่ตามศูนย์พักพิงชั่วคราวที่เตรียมไว้ทั้งหมด 7 จุด
แม้ชาวบ้านจะเคยชินกับภัยน้ำท่วมในช่วงเวลาเดียวกันแทบทุกปี แค่คราวนี้พวกเขาให้ความร่วมมืออย่างดี เพราะทราบข่าวความรุนแรงของพายุปาบึก ซึ่งอาจเทียบเคียงได้กับพายุโซนร้อน ‘แฮเรียต’ ซึ่งเข้าถล่มจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2505 และกวาดทุกสิ่งทุกอย่างบนแหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง
THE STANDARD ลงพื้นที่สำรวจชายหาดบริเวณตำบลท่าศาลา โดยผู้นำท้องที่บอกว่าระดับความสูงของคลื่นเวลานี้เพียง 2 เมตรเท่านั้น แต่ก็ทำให้น้ำล้นขึ้นมาเกือบมิดทั้งชายหาด และคาดว่าเมื่อพายุโซนร้อนปาบึกเคลื่อนเข้าฝั่งเต็มตัวในช่วงเย็นวันนี้ จะทำให้คลื่นทะเลสูงประมาณ 3-5 เมตร ซึ่งจะทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนใกล้กับพื้นที่ชายทะเล และอาจท่วมเข้าถึงบริเวณตลาดซึ่งอยู่กึ่งกลางของตำบลหากน้ำทะเลหนุนขึ้นสูง ขณะที่ล่าสุดไฟฟ้าในพื้นที่เริ่มติดๆ ดับๆ เป็นบางช่วง ส่วนปั๊มน้ำมันในพื้นที่เริ่มทยอยปิดลงบ้างแล้ว
นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อ 11.00 น. วันนี้ (4 ม.ค.) ว่า ขณะนี้พายุโซนร้อนปาบึกอยู่ห่างจากอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ราว 80 กิโลเมตร คาดว่าพายุจะขึ้นฝั่งในเวลา 15.00-16.30 น. ในบริเวณอำเภอหัวไทร หรืออำเภอท่าศาลา หรืออำเภอเมือง ของจังหวัดนครศรีธรรมราช และเมื่อขึ้นฝั่งแล้วก็จะยังคงเป็นพายุโซนร้อนต่อไป จากนั้นก็จะเคลื่อนผ่านนครศรีธรรมราชเข้าไปในเขตสุราษฎร์ธานี จากนั้นถึงระนอง และจะเคลื่อนลงไปในทะเลฝั่งอันดามันในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้พายุจะก่อให้เกิดผลกระทบในภาคใต้เกือบทั้งหมด นับตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนักและคลื่นลมแรง ขณะที่ทุกภาคส่วนได้เตรียมความพร้อมในการป้องกันและช่วยเหลือภัยพิบัติที่กำลังเกิดขึ้นครั้งนี้ไว้ดีพอสมควรแล้ว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
