ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โจเซฟ ทีเทก แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Trezor บริษัทผู้ให้บริการฮาร์ดแวร์สำหรับการเก็บรักษาคริปโตเคอร์เรนซี เผยข้อมูลกับสำนักข่าวออนไลน์ Cointelegraph ว่า ยอดขาย Hardware Wallet ของ Trezor พุ่งกว่า 300% เทียบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ จากความกังวลในการฝากคริปโตไว้กับ Exchange หลังเกิดเหตุการณ์ FTX ล่มสลายในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
ทีเทกยังกล่าวต่อไปว่า ยอดขาย ณ ขณะนี้ ยังถือได้ว่าสูงกว่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ Bitcoin ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 68,000 ดอลลาร์ ในขณะนี้ยอดผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ยังเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอีกกว่า 350%
โดยทีเทกมองว่า การเติบโตของยอดขายของ Trezor นั้นเติบโตอย่างรุนแรง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผลโดยตรงจากประเด็นของ FTX เนื่องจากยอดขายเพิ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์เดียวกันกับที่เกิดเหตุการณ์ล่มสลายของ FTX แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเบอร์ 2 ของโลก จนทำให้เงินฝากของลูกค้าสูญไปเป็นจำนวนมาก
“เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ลูกค้าสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวกลางและคัสโตเดียน แล้วตระหนักถึงประเด็นในการเก็บรักษาคริปโตด้วยตัวเอง (Self-Custody) เพิ่มมากขึ้น” ทีเทกกล่าว
นอกจากนี้ ทาง Trezor ยังมองว่ายอดขายดังกล่าวน่าจะเพิ่มขึ้นในระยะสั้นถึงระยะกลาง และแม้ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเร่งอย่างต่อเนื่อง ทาง Trezor ก็ยังมั่นใจว่ามีสินค้าเพียงพอในการจัดจำหน่ายให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ Trezor ก็ได้ชี้แจงว่า ไม่มีแผนที่จะขึ้นราคาสินค้า Hardware Wallet อีกเช่นกัน เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทในการทำให้ ‘Self-Custody Wallet’ สามารถเข้าถึงทุกคนได้นั่นเอง
ในขณะที่ Ledger บริษัทคู่แข่งด้าน Hardware Wallet ของ Trezor นั้น ยอดขายก็พุ่งขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน โดย พาสคัล เกาทีเออร์ ประธานกรรมการบริหารของ Ledger กล่าวกับสำนักข่าว Cointelegraph ว่า ยอดการเปิดบัญชี Ledger Live ในช่วงที่ผ่านมานั้นเติบโตกว่า 6 เท่า ทั้งยังเห็นลูกค้าเคลื่อนย้ายสินทรัพย์มายังวอลเล็ตดังกล่าวด้วย
เหตุการณ์นี้สะท้อนภาพที่ชัดเจนว่า ผู้คนเริ่มกลับมาสู่หลักการของ ‘Decentralization’ หรือ ‘การกระจายศูนย์’ และ ‘Self-Custody’ ซึ่งเป็นการเก็บรักษาสินทรัพย์ด้วยตนเอง ตามหลักการที่ว่า ‘Not Your Key, Not Your Coin’ (หากคุณไม่เก็บรักษาสินทรัพย์เหล่านั้นด้วยตนเอง สินทรัพย์นั้นก็ไม่ใช่ของคุณ)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ย้อนรอยวิกฤตคริปโต การล่มสลายของ FTX รอบนี้จะสั่นสะเทือนตลาดคริปโตได้เหมือนรอบ Mt.Gox ปี 2014 หรือไม่?
- บิล แอคแมน เริ่มใจอ่อน เผย มองคริปโตในมุมบวกมากขึ้น ถึงขั้นเริ่มเข้าลงทุนบ้างแล้ว
- แม้แต่ ‘จัสติน บีเบอร์’ ยังขาดทุน! ผลงาน NFT จาก Bored Ape Yacht Club ที่ซื้อมาด้วยราคา 46.4 ล้านบาท ตอนนี้หล่นลงเหลือ 2.5 ล้านบาท
อ้างอิง: