×

จากนิเซโกะถึงซัปโปโร เที่ยวฮอกไกโดช่วงหิมะสุดท้ายก่อนใบไม้ผลิบาน

11.05.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 MINS READ
  • นิเซโกะ สถานที่ซึ่งได้ชื่อว่าหิมะมีคุณภาพดีที่สุดในญี่ปุ่น นุ่มเนียนละเอียดราวกับผงแป้ง ด้วยภูมิประเทศแบบภูเขาสูงชัน ประกอบกับอากาศหนาวเย็นจัด นิเซโกะจึงกลายเป็นแหล่งสกีชื่อดังของโลก
  • สถานที่สำคัญของเมืองโอตารุเป็นหอคอยนาฬิกาไอน้ำจากแวนคูเวอร์ ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียง 2 เรือนบนโลก
  • ฮอกไกโดขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเล โดยเฉพาะปูทาระบะหรือปูอลาสก้า ถ้าอยากกินปูแบบอร่อยเหาะสาแก่ใจให้มุ่งมาที่ Kitano Gourmet ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปราว 30 นาทีโดยรถยนต์ ถูกและอร่อยกว่าร้านในตัวเมืองเยอะ

ในช่วงปลายมีนาคมคาบเกี่ยวเดือนเมษายน แสงแดดเมืองไทยกำลังร้อนระอุ ชนิดเดินออกกลางแจ้งร่างกายก็สามารถระเหิดกลายเป็นไอได้ทันที แต่สำหรับเกาะฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่น หิมะชุดสุดท้ายกำลังละลายอย่างช้าๆ พันธุ์ไม้ต่างๆ กำลังออกจากช่วงจำศีล เตรียมผลิดอกออกไม้ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ ถึงกระนั้นความเย็นที่อ่อนกำลังลงก็ยังไม่อ่อนข้อให้เราแต่อย่างไร 5 องศา… เครื่องวัดอุณหภูมิบอกกับฉันแบบนั้น หลายคนบอกว่าช่วงเวลานี้ฮอกไกโดกำลังขี้เหร่ที่สุด เป็นช่วงเวลาลูกผีลูกคนที่กำลังจะเริ่มแตกหนุ่มแตกสาว แต่เท่าที่ฉันสัมผัสมา ถือว่าถูกครึ่งไม่ถูกครึ่ง เพราะความงามไม่สมบูรณ์ในช่วงเวลานี้ ทำให้ฉันประทับใจฮอกไกโดอีกห้วงอารมณ์

 

ตะกุยปุยหิมะที่นิเซโกะ

ส่วนไหนของภูมิประเทศกันที่คนเรามักปักหมุดเที่ยวฮอกไกโดเป็นที่แรกๆ แน่นอนว่าย่อมเป็นซัปโปโร (Sapporo) ลากยาวลงมาทางตะวันตกถึงฮาโกดาเตะ (Hakodate) น้อยคนนักที่เลือกเที่ยวกลางจังหวัดไปจนถึงซีกตะวันออกที่ห่างไกลความเป็นเมืองและเดินทางลำบาก แต่สำหรับฉันผู้เคยเยือนฮอกไกโด 3-4 ครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เดินย่างกรายในสถานที่ท่องเที่ยวฮิตๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยมกัน

 

ทริปหนีร้อนของเราเริ่มต้นที่เขตเมืองนิเซโกะ (Niseko) สถานที่ซึ่งได้ชื่อว่าหิมะมีคุณภาพดีที่สุดในญี่ปุ่น นุ่มเนียนละเอียดราวกับผงแป้ง ด้วยภูมิประเทศแบบภูเขาสูงชัน ประกอบกับอากาศหนาวเย็นจัด นิเซโกะจึงกลายเป็นแหล่งสกีชื่อดังของโลก มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแวะเวียนมาไม่ขาดสาย สกีรีสอร์ตส่วนใหญ่มักกระจุกตัวอยู่บริเวณเชิงเขานิเซโกะ อันนุปุริ (Niseko Annupuri Mountain) การเดินทางมานิเซโกะนั้นสะดวกมาก นั่งบัสจากเมืองซัปโปโรใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็ถึงที่หมาย ระหว่างทางมีวิวสวยๆ ให้ชมเพลินๆ แก้เบื่อ สามารถเห็น Mt. Yotei ภูเขาที่เปรียบได้ดั่งฟูจิลูกที่สองของญี่ปุ่นแบบชัดแจ่มแจ้ง

 

ปุยหิมะและน้ำแร่ร้อน

 

Mt. Yotei

 

Hanazano ต้อนรับเราด้วยหิมะสีขาวโพลน แสงแดดเจิดจรัส และบรรยากาศแบบเอ็กซ์ตรีมชวนให้อะดรีนาลีนหลั่ง ลานสกีลาดชันเต็มไปด้วยนักสกี นักสโนว์บอร์ดหลากวัย ฉวัดเฉวียนวาดลวดลายจนน่าตื่นเต้น ทุกคนที่เล่นกิจกรรมต้องมาติดต่อที่ส่วนต้อนรับเป็นอันดับแรก ที่นี่มีบริการให้เช่าอุปกรณ์ คาเฟ่ และตั๋วสำหรับการเล่นในส่วนต่างๆ สำหรับคนเมืองร้อนอย่างฉันผู้ที่เคยสัมผัสหิมะนับครั้งได้ การจะเริ่มฝึกสกีคงต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่ราว 3-7 วันเป็นอย่างต่ำ กิจกรรมสนุกๆ วันนี้จึงเป็นการขับ Snowmobile รถเลื่อนหิมะท่องไปในเขา ลักษณะคล้ายรถ ATV แต่เปลี่ยนจากล้อเป็นใบสกี ขับง่ายมากแค่กดปุ่มบิดคันเร่งก็ไปแล้ว หนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที หากเล่นแล้วยังไม่จุใจระหว่างรอรอบต่อไปแนะนำให้เดินมาเล่น Tube ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กัน นั่งบนห่วงยางแล้วปล่อยตัวจากที่สูงด้วยความชันระยะสั้น เด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนเล่นได้ไม่เป็นอันตรายและสนุกมาก

 

Snowmobile

 

นักสโนว์บอร์ด

 

ส่วนคาเฟ่ก็น่านั่งเอื่อย

 

คลองโอตารุ

 

กินชีสเค้กรสอร่อย ลองทำกล่องดนตรีที่โอตารุ

หนึ่งสถานที่ยอดฮิตยามที่ผู้คนมาเยือนเกาะฮอกไกโดคือ คลองโอตารุ คลองสายเก่าที่ถูกขุดใหม่เพื่อคงไว้ซึ่งหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โอตารุ (Otaru) เป็นเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากซับโปโรเท่าไรนัก อดีตเคยเป็นท่าขนส่งสินค้าสำคัญแห่งหนึ่ง ชาวต่างชาติอาศัยอยู่มากจนทำให้สถาปัตยกรรมในละแวกมีกลิ่นอายละม้ายคล้ายยุโรป สองข้างทางริมคลองตกแต่งด้วยโคมไฟแบบวิกตอเรียน และอาคารโกดังสร้างจากอิฐเป็นแนวยาว ซึ่งปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็นคาเฟ่ ร้านค้า ร้านอาหารให้นักท่องเที่ยวเดินเล่นกินบรรยากาศ ช่วงเวลาเย็นย่ำจะโรแมนติกมาก เราใช้เวลาอยู่บริเวณคลองประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ เดินกินลมชมวิว ถ่ายรูปจนหนำใจ

 

บรรยากาศรอบๆ คลอง

 

อาคารโกดังเก่าถูกแปรเปลี่ยนเป็นร้านค้า ร้านอาหาร

 

บรรยากาศด้านในพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี

 

ห่างจากคลองโอตารุเพียง 10 นาทีเดิน Otaru Music Box Museum พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีญี่ปุ่นตั้งตระหง่านอยู่บนหัวถนน Sakaimachi Dori อาคารตะวันตกขนาด 3 ชั้น อายุกว่า 100 ปี ที่นี่มีแลนด์มาร์กสำคัญเป็นหอคอยนาฬิกาไอน้ำจากแวนคูเวอร์ ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียง 2 เรือนบนโลก นอกจากกล่องดนตรีนับหมื่นชนิดที่ชวนให้เลือกซื้อหา ที่ชั้น 2 และ 3 ของพิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดงเรื่องราวของกล่องดนตรีแบบต่างๆ มีทั้งแบบเล็กกะทัดรัด มุ้งมิ้งราวกับกล่องดนตรีในซีรีส์เจ้าหญิงของ Walt Disney ไปจนถึงเรียบเท่ หรู คลาสสิก ขนาดเท่าเปียโนแกรนด์

 

ด้านในมีกล่องดนตรีแบบเก่าๆ ให้ชมเพียบ

 

หีบดนตรีให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ดินแดนเวทมนตร์

 

แต่ถ้าการเยี่ยมชมดูธรรมดาไปนิด และคุณอยากลองทำกล่องดนตรีในแบบฉบับของตัวเอง แนะนำให้เดินข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม เยื้องไปทางซ้ายเล็กน้อย ประมาณ 50 เมตร จะเป็นอาคารอีกหลังในเครือเดียวกันที่เปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมลองประกอบกล่องดนตรีของตนเอง ชอบแบบใด เพลงใด อยากตกแต่งแบบใด เพียงช้อปปิ้งชิ้นส่วนและแจ้งแก่ทางร้าน ง่ายๆ แค่นั้น ส่วนเพลงก็มีให้เลือกตั้งแต่คลาสสิกติดหูไปจนถึงเพลงป๊อปยอดฮิตจากเกาหลี

 

เลือกชิ้นส่วนและลองทำกล่องดนตรีในแบบของตนเอง

 

ชีสเค้กแบบดั้งเดิมของ LeTAO ห้ามพลาดเด็ดขาด

 

นอกจากพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ตลอดทางยาวบนถนน Sakaimachi Dori ยังเต็มไปด้วยร้านขนมและร้านขายของที่ระลึกมากมาย ทั้งคาเฟ่น่ารัก ร้านขนมโบราณ ร้านซูชิ แต่ที่เห็นเยอะที่สุด ต้องยกให้ LeTAO เจอกันทุก 10-20 ก้าว บ่อยกว่าร้านสะดวกซื้อเสียอีก ใครที่ติดใจชีสเค้กแสนอร่อยของ LeTAO ขอบอกว่ากินที่สาขาต้นตำรับได้บรรยากาศและอร่อยกว่าเยอะ แต่ถ้าอยากแพ็กกลับไทย ติดไม้ติดมือไปเป็นของฝาก แนะนำให้รอซื้อที่สนามบิน ไม่ต้องหิ้วให้เมื่อย ไม่ต้องกลัวเสีย มีแน่นอน

 

Kitano Gourmet

 

ปู ปู ปู!!!! ทำไมปูเยอะแบบนี้

ฮอกไกโดขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเล โดยเฉพาะปูทาระบะหรือปูอลาสก้า ปูตัวเป้งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำลึก อากาศเย็นจัด และมีสภาพอากาศแปรปรวน มีคนแนะนำว่าถ้าอยากกินปูแบบอร่อยเหาะสาแก่ใจให้มุ่งมาที่ Kitano Gourmet ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปราว 30 นาทีโดยรถยนต์ ถูกและอร่อยกว่าร้านในตัวเมืองเยอะ ถ้ามาทางรถไฟให้ขึ้นรถไฟสาย Tozai ลงสถานี Nijyuyonken ใช้ทางออกหมายเลข 5 และเดินเท้ามาอีกประมาณ 10 นาที

 

บรรยากาศส่วนร้านอาหาร

 

ตัวร้านมีขนาดประมาณ 3 คูหา พื้นที่ชั้น 1 ทำหน้าที่เป็นตลาดสด จำหน่ายวัตถุดิบสด เช่น ปูตัวเป้ง หอยเชลล์ตัวเท่าฝ่ามือ ปลาทะเลท้องถิ่น รวมไปถึงของแห้งและเครื่องปรุงที่เกี่ยวกับการปรุงอาหารทะเลทั้งสิ้น บางส่วนของชั้น 1 และชั้น 2 ของร้าน เปิดเป็นร้านอาหารที่ปรุงขึ้นจากวัตถุดิบสดๆ ภายในร้าน ลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่มักแวะเวียนมากินอร่อยจนอิ่มท้อง พร้อมซื้อของสดติดไม้ติดมือกลับไปด้วย ไม่ใช่แค่คนไทยหรือนักท่องเที่ยวเท่านั้นที่นิยม ลำพังแค่คนญี่ปุ่น โดยเฉพาะคนต่างถิ่นก็แน่นร้านจนไม่มีที่จะนั่งแล้ว

 

บน: อยากกินอะไรสั่ง ล่าง: ข้าวหน้าปลาดิบ

 

เนื้อปูแน่นมาก

 

เมนูเด่นควรค่าแก่การเสียสตางค์ได้แก่ ข้าวหน้าปลาดิบ 12 ชนิด ปูทาราบะ ปลาฮกเคะย่างถ่าน และซาซิมิทุกชนิด วัตถุดิบสดและคุณภาพดีชนิดที่ว่า ไม่ต้องปรุงแต่อย่างใด สำหรับซาซิมิแค่เตะซอสโชยุเบาๆ เอาเข้าปากก็ได้รสหวานธรรมชาติซ่านไปทั้งคำ สด อร่อย ไร้กลิ่นคาว ชนิดกินทีน้ำตาแทบไหล เพราะถ้ากินคุณภาพแบบนี้ที่เมืองไทยแต่ละอย่างแพงมาก ราคาแต่ละเมนูเริ่มต้นที่ 980 เยน หรือ 285 บาท (ข้าวหน้าปลาดิบ) ไปจนถึง 4,000 เยน หรือ 1,200 บาท (ปูทาระบะย่าง)

 

อาหารทะเลอื่นๆ ก็มีนะ

 

 

ช้อปปิ้งจนล้มละลายที่ย่าน Tanukikoji

อิ่มท้องกันแล้ว มาญี่ปุ่นทั้งทีจะพลาดการช้อปปิ้งได้อย่างไร ของดี ของถูก สินค้าแรร์ไอเท็มเต็มไปหมด ถ้าคุณมีพลังเหลือเฟือ เราขอให้คุณตั้งต้นที่ Tanukikoji ตลาดเก่าแก่ที่ให้บริการทั้งนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นมายาวนานกว่า 100 ปี จุดเด่นของย่านนี้คือเส้นทางการช้อปที่อัดแน่นต่อเนื่องถึง 7 บล็อก ภายใต้หลังคาคลุมยาวกว่า 1 กิโลเมตร จะฝนตก แดดออก ฟ้าร้อง ก็ช้อปมันจนลืมเวลา มีทุกอย่างให้คุณเลือกสรรทั้งสินค้าแบรนด์ท้องถิ่นญี่ปุ่น แบรนด์ดัง เช่น Uniqlo, New Balance, Adidas, Puma ฯลฯ รวมถึงร้านขายยา ขายเครื่องสำอางที่มีทุก 5 ก้าวเดิน ของพื้นเมือง สินค้าโอท็อปทั่วเกาะ สารพันสิ่ง และหากคุณยังช้อปไม่หนำใจ สามารถเดินต่อไปยังย่าน Susukino เพื่อช้อปเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอื่นๆ ถ้าหิวก็แวะเข้าตรอกราเมน ตรอกเล็กที่อัดแน่นด้วยราเมนร้านดังประจำเกาะฮอกไกโด

 

ซื้อของที่ร้าน Don Quixote

 

Sapporo TV Tower

 

แสงสุดท้ายและวิวเมืองแบบ 360 องศา

 

ก่อนโบกมือลาฮอกไกโด เราเลือกจบทริปด้วยแสงสุดท้ายที่ Sapporo TV Tower หอส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ประจำเกาะ สร้างขึ้นในปี 1957 โดย Tachu Naito สถาปนิกชาวญี่ปุ่นคนเดียวกับผู้ออกแบบ Tokyo Tower ณ กรุงโตเกียว Sapporo TV Tower มีความสูงจากพื้นสู่ยอดเท่ากับ 147.2 เมตร แต่เปิดให้บุคคลทั่วไปขึ้นชมวิวเมืองได้ที่ระดับความสูง 90 เมตร สนนราคาอยู่ที่ 720 เยนต่อคน ด้านบนสามารถมองเห็นเมืองได้ 360 องศา สวยงามมากในยามเย็น สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์หล่นขอบฟ้าโดยมีฉากหลังเป็นสวน Odori Park และวิวเมือง

 

บรรยากาศจากหอส่งสัญญาณ

 

สวน Odori Park แม้หิมะจะละลายเกือบหมดแล้วแต่เด็กๆ ก็ยังเล่นอยู่

 

จริงๆ ฮอกไกโดมีสถานที่เที่ยวให้ชม ชิม ช้อป มากมาย ฉันไปมาแล้ว 4 ครั้ง แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไปไม่ทั่วเลย ต่างฤดูกาล ต่างสีสัน ต่างบุคลิก คนฮอกไกโดเป็นมิตรและเปิดกว้างต่อชาวต่างชาติมากกว่าเมืองอื่นๆ อาจด้วยว่าเคยติดต่อกับต่างชาติมานาน มีความคุ้นเคยสูง ช่วงนี้ตั๋วเครื่องบินราคาถูกมีบินไปฮอกไกโดหลายต่อหลายเจ้า ลองหาโปรโมชันเหมาะๆ แล้วปักหมุดเที่ยวดู รับรองว่าอิ่มกาย อิ่มใจ โดยเฉพาะเรื่องของกินด้วยแล้ว ไม่มีผิดหวัง

 

Photo: พลอยจันทร์ สุขคง, Krungsri Consumer

FYI

Getting There

  • มีสายการบินทั้งฟูลเซอร์วิส และราคาประหยัดบินตรงจากกรุงเทพฯ-ฮอกไกโดมากมาย เช็กตารางและเวลาบินได้ที่ Thai Airways, Air Asia, Japan Airline เป็นต้น

 

Tips

  • สำหรับผู้ที่ถือบัตรเครดิต กรุงศรี เจซีบี แพลทินัม แนะนำให้พกไปฮอกไกโดด้วย มีสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ รับคะแนนสะสมพิเศษ 3 เท่า เมื่อใช้จ่ายครบทุก 4,000 บาทต่อเซลล์สลิปที่ญี่ปุ่น, สิทธิในการเข้าแอร์พอร์ตเลานจ์ที่ 28 สนามบินในญี่ปุ่นและสนามบินในประเทศอื่นๆ เช่น ฮ่องกง, สิงคโปร์, ส่วนลดที่ร้านมัทสึโมโตะ คิโยชิ และทาเคยะ และ Bic Camera ประเทศญี่ปุ่น ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.krungsricard.com/jcb
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X