วานนี้ (11 เมษายน) ที่รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีสยาม สุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, สุพจน์ วงศ์จรัสรวี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และคณะ ลงพื้นที่เตรียมความพร้อม รถ ราง เรือ ให้บริการผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567 เพื่อตรวจความพร้อมในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในการอำนวยความสะดวกและให้บริการแก่ประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงความพร้อมเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้เดินทางผ่านระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส, เรือด่วนเจ้าพระยา และรถโดยสาร ขสมก. เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ ในงาน ‘Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567’
สุรพงษ์กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เทศกาลสงกรานต์ หรือวันขึ้นปีใหม่ไทยเป็นเทศกาลระดับโลก ในปีนี้รัฐบาลและเอกชนหลายแห่งจึงได้ร่วมกันจัดกิจกรรมในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ดังนั้น ทางกระทรวงคมนาคมจึงร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้มีความสะดวกและปลอดภัยมากที่สุด
การเลือกลงพื้นที่ตรวจความพร้อมในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสยาม สถานีศาลาแดง และสถานีสะพานตากสิน เพราะเป็นจุดศูนย์กลางที่เชื่อมโยงการเดินทางระหว่างรถ ราง และเรือ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวในการเล่นน้ำช่วงเทศกาลสงกรานต์ เช่น ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, สยามสแควร์ และถนนสีลม และยังสามารถใช้เดินทางเพื่อไปยังสถานที่เล่นน้ำแห่งอื่นได้
สุรพงษ์กล่าวว่า เพื่อให้เทศกาลสงกรานต์เป็นเทศกาลแห่งความสุข จึงอยากให้การเดินทางผ่านบริการโดยสารสาธารณะทั้ง รถ ราง เรือ ของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ออกมาเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ จะต้องมีความสะดวก สบาย ปลอดภัย และไร้รอยต่อ เพื่อให้ได้รับความสุข รอยยิ้ม และความประทับใจตลอดการเดินทาง
สุพจน์กล่าวว่า ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ได้กำชับทุกหน่วยงานให้อำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่ง สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากถึง 15.03 ล้านคน และจะทำให้เกิดรายได้ 52,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดแนวทางการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ผ่านสายด่วนตำรวจท่องเที่ยวในการรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย
สุพจน์ยืนยันว่า ขณะนี้ตำรวจท่องเที่ยวทั่วประเทศมีความพร้อม ทั้งกำลังพล อุปกรณ์ และเทคโนโลยี เพื่อดูแลความปลอดภัยโดยเฉพาะสถานที่จัดงานที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้ง 86 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่สำคัญ โดยมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม และพัฒนาระบบควบคุมสั่งการในพื้นที่ต่างๆ ให้เชื่อมต่อกับศูนย์รับแจ้งเหตุ และระบบควบคุมสั่งการใหญ่ของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (Command Center)
