เมื่อวานนี้ (13 ส.ค.) บุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในงานสัมนา ‘มหากาพย์สงครามการค้า…เมื่อพญาอินทรีไล่ขยี้พญามังกร’ ว่า ทางกระทรวงพาณิชย์ตระหนักถึงความสำคัญของเหตุการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาที่มีแนวโน้มจะยืดเยื้อและขยายวงกว้างขึ้นมากกว่าแค่การค้าระหว่างประเทศ เพราะปัจจุบันสงครามได้ลามไปถึงด้านเทคโนโลยีและด้านการเงินระหว่างประเทศด้วย อีกทั้ง ประเทศจีนและสหรัฐฯ ต่างเป็นมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจของโลก
โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่ผลิตสินค้าส่งออกไปยังประเทศทั้งสอง จึงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเป็นที่มาของการจัดสัมมนา ‘มหากาพย์สงครามการค้า…เมื่อพญาอินทรีไล่ขยี้พญามังกร’ ว่า ต้องการเปิดโอกาสให้เป็นเวทีในการระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนมุมมองของภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจากภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ เพื่อให้กับผู้ประกอบการได้รับทราบข้อมูลเชิงลึกและเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมถึงแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และใช้ความรู้ดังกล่าวในการปรับตัว เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจและแนวทางรับมือกับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม ภายใต้วิกฤตดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์เชื่อมั่นว่า เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังมีขีดความสามารถและภูมิคุ้มกันที่จะรองรับแรงปะทะจากความเสี่ยงต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น รวมถึงยังมีโอกาสและช่องทางส่งออกไปทดแทนสินค้าสหรัฐฯ และสินค้าจีนได้ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร, เกษตรแปรรูป, อาหารทะเลกระป๋อง, เครื่องนุ่งห่ม และอุตสาหกรรมเบา โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าไทยที่มีแต้มต่อจากการได้รับสิทธิประโยชน์ GSP (Generalized System of Preferences) จากสหรัฐฯ ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีศักยภาพที่จะไปทดแทนสินค้าจีนได้
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ยังได้เสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ เร่งเจรจาแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทางการค้า สร้างหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์กับประเทศคู่ค้า เช่น เจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) รวมถึงเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และรื้อฟื้นการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีของไทยกับสหภาพยุโรปใหม่ พัฒนาด้าน E-Commerce กระทรวงพาณิชย์ไม่เพียงมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการมีความรู้และเข้าใจความสำคัญของการค้าผ่านช่องทาง E-Commerce โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการขนาดย่อม (Micro SMEs) รวมทั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มสหกรณ์ และเกษตรกร
ล่าสุดได้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (กรอ. พาณิชย์) ซึ่งประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสนอแนะปัญหาและอุปสรรคด้านการส่งออก รวมถึงผลักดันให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: