×

เจาะ 4 กระแสโลกเขย่าเกมการค้าไทย ศุภจีแนะคว้าโอกาสใหม่ ‘ยุคมัลติโพลาร์’

03.12.2025
  • LOADING...
เจาะ 4 กระแสโลกเขย่าเกมการค้าไทย ศุภจีแนะคว้าโอกาสใหม่ ‘ยุคมัลติโพลาร์’

‘ศุภจี’ รมว.พาณิชย์ เจาะ 4 กระแสโลกเขย่าเกมการค้า ชี้ไทยต้องเร่งคว้าโอกาสใหม่โลก ‘ยุคมัลติโพลาร์’ ชี้ ถ้าไทยวางตัวให้ถูกจังหวะ จะสามารถเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อุปสงค์-อุปทานใหม่ของโลกได้

 

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขึ้นเวทีบรรยายพิเศษในงาน Go Thailand 2026: Beyond Survival จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ภายใต้หัวข้อ ‘Trade amid Geopolitics พลิกเกมการค้าไทย ฝ่าภูมิรัฐศาสตร์โลก’ ว่า การค้าการขายยุคปัจจุบันไม่อาจพึ่งพาเฉพาะตลาดในประเทศได้อีกต่อไป ประเทศไทยจำเป็นต้องขยายการค้าต่างประเทศโดยคำนึงถึง ‘บริบทโลกใหม่’ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

โดยประเทศไทยกำลังเผชิญกระแสใหญ่ระดับโลก 4 ประการ หรือที่เรียกว่า 4D Megatrends ได้แก่

 

1. De-globalization : การทวนกระแสโลกาภิวัตน์ จากเหตุการณ์โควิดและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้หลายประเทศกลับมาทบทวนการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานโลก และหันไปพึ่งพาตนเองมากขึ้น เกิดการแบ่งขั้วอำนาจ และการปรับทิศทางการผลิตและการลงทุน

 

2. Decarbonization : การลดการปล่อยคาร์บอน นโยบายยุโรปและประเทศคู่ค้าหลายแห่งกำหนดให้สินค้าที่นำเข้า ต้องพิสูจน์ได้ว่ากระบวนการผลิต การปลูก และการขนส่งไม่สร้างภาวะโลกร้อน เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดรับมาตรฐานสากล เพื่อรักษาความสามารถแข่งขัน

 

3. Digitalization : การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและ AI เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เปิดโอกาสใหม่ให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดโลก แต่หากไม่สามารถใช้เทคโนโลยีทันเวลา ก็อาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน

4. Demographic Shift : ประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ อัตราการเกิดต่ำกว่าการตาย ทำให้กำลังซื้อภายในประเทศลดลง จึงจำเป็นต้องผลักดันภาคการค้าให้พึ่งพาตลาดต่างประเทศมากขึ้น

 

“แม้ 4 กระแสโลกจะสร้างแรงกดดันต่อระบบการค้า แต่ก็เปิดช่องโอกาสใหม่ หากไทยสามารถมองเห็นจังหวะและวางตัวให้เหมาะสม”

 

ศุภจี ย้ำว่า “โลกวันนี้ไม่ได้มีเพียงสหรัฐฯ และจีนเป็นขั้วอำนาจหลักเท่านั้น แต่ยังมีกลุ่มประเทศเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อาเซียน ยุโรป และตะวันออกกลาง ซึ่งล้วนต้องการขยายความร่วมมือทางการค้ากับไทย ในการประชุม ASEAN Summit ที่ผ่านมา ประเทศคู่ค้าหลายประเทศเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า ต้องการเร่งทำ FTA กับไทย”

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

นี่คือข้อได้เปรียบของประเทศไทย เพราะเราไม่เป็นพิษเป็นภัย และได้รับการยอมรับว่าวางตัวเป็นกลางเหมาะสม ทำให้หลายประเทศต้องการเป็นพันธมิตรทางการค้ากับเรา

 

ขณะเดียวกัน ในช่วง 8 เดือนแรกของปี มีคำขอ ขอรับการส่งเสริมการลงทุน (FDI Applications) เพิ่มขึ้นกว่า 30% และมูลค่าการลงทุนเพิ่มกว่า 90% ถือเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ สะท้อนว่าไทยสามารถใช้ประโยชน์ จากการปรับทิศทางของห่วงโซ่อุปทานโลกได้อย่างดี

 

“ถ้าเราวางตัวให้ถูกจังหวะ ไทยจะสามารถเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อุปสงค์-อุปทานใหม่ของโลกได้ การวางตัวของไทยในห่วงโซ่การค้าโลกจากคู่ค้า เป็นพันธมิตร อาศัยหลักการ เป็นมิตร เปิดกว้าง และสร้างประโยชน์ร่วม”

 

ทั้งนี้ ศุภจี กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย โดยสหรัฐฯ ใช้นโยบาย Reciprocal Tariffs หรือภาษีตอบโต้ ซึ่งไทยอยู่ระหว่างการเจรจาในส่วนของ มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non-tariff issues) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ ผู้ประกอบการ และเกษตรกรไทย

 

โดยหลายประเทศใช้มาตรการปกป้องทางการค้าเข้มข้นขึ้น ไทยเองก็จำเป็นต้องคุ้มครองผู้ประกอบการไทยเช่นกัน พร้อมทั้งต้องรักษาสมดุล ไม่ปล่อยให้ตลาดถูกกระทบจากสินค้านำเข้าอย่างไม่เป็นธรรม

 

ในยุคที่หลายประเทศใช้ Friend-shoring ไทยต้องทำตัวให้เป็นประเทศที่ ‘น่าไว้วางใจ’ เพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานสินค้าเทคโนโลยี สินค้าดิจิทัล AI ยานยนต์สมัยใหม่ เซมิคอนดักเตอร์ พลังงานสะอาด และไบโอเทคโนโลยี ไทยยังมีศักยภาพที่จะก้าวสู่การเป็น Food Security Provider และ Food Security Hub ของโลก จากความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรทางอาหาร พร้อมต่อยอดด้วยนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เข้าสู่ Value-based Economy

 

พาณิชย์วาง 3 ยุทธศาสตร์ภายใต้ระเบียบโลกใหม่

 

1. Balance – สร้างสมดุลท่ามกลางการแข่งขันของหลายขั้วอำนาจ

 

2. Inclusive – เปิดโอกาสให้ SMEs สตาร์ทอัพ และเกษตรกร เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานโลก

 

3. Diversify -ขยายตลาดใหม่ ลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง และส่งเสริมอุตสาหกรรมอนาคต

 

ศุภจี กล่าวว่า ‘Quick Big Wins’ ของกระทรวงพาณิชย์กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพื่อเสริมความเชื่อมั่น สร้างโอกาสให้ภาคเอกชน 4 ด้าน ได้แก่ นโยบายเชิงรุก นโยบายเชิงรับ การดูแลฐานราก และการสร้างเสถียรภาพทางการค้าและราคาสินค้า โดยเน้นการขยายตลาดส่งออก เปิดตลาดใหม่ และเพิ่มโอกาสการค้ากับประเทศคู่ค้า เช่น ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งกำลังเดินทางไปเจรจา

 

ที่ผ่านมาได้หารือกับผู้บริหารจากหลายประเทศ และจะเดินหน้าพูดคุยต่อกับรัสเซีย อินเดีย สวีเดน รวมถึงเร่งเจรจา FTA ใหม่กับเกาหลีใต้และอินเดีย โดยทุกครั้งต้องทำการบ้านอย่างรอบด้าน ทั้งการศึกษาตลาด ความต้องการสินค้า มาตรฐาน และศักยภาพผู้บริโภค เช่น อินเดียที่มีประชากรรายได้สูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถเสนอสินค้าที่ตรงความต้องการและปิดการเจรจาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

“ขอให้เชื่อมั่นว่า หากเราวางตัวให้ถูกเวลาและรู้จังหวะ โลกยุคมัลติโพลาร์นี้ จะไม่ใช่วิกฤตของไทย แต่จะกลายเป็นโอกาสที่ทำให้ประเทศไทยก้าวสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนได้”

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising