อากาศของโลกที่แปรปรวนเลวร้ายและทวีความร้อนระอุขึ้นทุกระดับ ภาพน้ำแข็งขั้วโลกที่ละลายเพิ่มขึ้นทุกปี การเสียชีวิตของสัตว์น้อยใหญ่ที่เมื่อเจาะลึกลงไปก็พบซากขยะพลาสติกอยู่ในอวัยวะภายใน โรคภัยสายพันธุ์ใหม่พร้อมฤทธิ์เดชที่รุนแรงและน่ากลัว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เอฟเฟกต์ในภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้กระทบอารมณ์เล่นๆ แต่เป็นภาพสถานการณ์จริงในโลกที่เราทุกคนกำลังเผชิญหน้าอยู่ในปัจจุบัน (และอนาคต)

ตัวเลขอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นทุกปีราว 1.04 องศา หรือน้ำแข็งขั้วโลกที่ค่อยๆ ละลายร่อยหรอลงอาจยังไม่กระทบใจเรามาก หลายคนจึงยังคงนิ่งนอนใจอยู่ ใช้ชีวิตไปตามความคุ้นชินโดยไม่รู้ตัวว่าลงมือทำร้ายโลกอยู่ทุกวัน ต่อเมื่อวันหนึ่งวันใดที่ตื่นมาเผชิญกับโลกภายนอกตามปกติแล้วเรารู้สึกว่าอากาศร้อนจนแทบอยู่ไม่ได้ หรือสภาพอากาศแปรปรวน โดนภัยธรรมชาติเล่นงานจนเจ็บระบม เมื่อนั้นเราอาจไม่นิ่งนอนใจได้เหมือนเดิม

การได้เห็นหน้าค่าตาของ เกรตา ธันเบิร์ก เยาวชนแกนนำที่ต่อสู้เพื่อปัญหาสิ่งแวดล้อม ออกมาป่าวร้องถึงการเรียกร้องให้ประเทศมหาอำนาจเห็นถึงความเจ็บป่วยของสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ คือหนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าควรจะเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมในระดับมหภาคได้แล้ว เพราะพวกเธอคือคนรุ่นต่อไปที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ในอนาคต หากสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ยังคงไม่ได้รับการเยียวยา นั่นหมายถึงอนาคตของพวกเธอรวมถึงลูกหลานของคุณก็จะต้องต่อสู้กับปัญหาที่คุกคามทั้งสุขภาพและคุณภาพชีวิต

จริงอยู่… เราต่างรู้กันดีว่าโลกกำลังรับภาระเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมหนักหนาแค่ไหน ทว่าความหนักแน่นในการตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวอาจยังไม่มากพอที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม เพราะต่างคนต่างก็คิดในทำนองว่า “เราคนเดียวจะไปทำอะไรได้…” ซึ่งถ้าประชากรโลกทุกคนคิดแบบเดียวกันทั้งหมดก็คงไม่มีวันที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมจะได้รับการเปลี่ยนแปลงและคลี่คลายไปสู่สภาวการณ์ที่เป็นมิตรกับสุขภาพของผู้คน ณ เวลานี้ คุณอาจจะกำลังจริงจังในการเดินหน้าพุ่งชนเป้าหมายต่างๆ ในชีวิต ทุ่มเทเพื่อให้ประสบความสำเร็จ แต่จะมีความหมายอะไรหากโลกนี้เต็มไปด้วยฝุ่นละออง อากาศเป็นพิษ น้ำเน่าเสีย และเราต้องอยู่ลิ้มรสความสำเร็จในเมืองที่เต็มไปด้วยขยะ!

เนื้อหาสาระในวิดีโอดังกล่าวกระตุ้นให้เรามองอนาคตในมุมใหม่ อนาคตที่ไม่ได้ยืนอยู่บนบริบทของปัจเจกบุคคล แต่มีสิ่งแวดล้อมเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งนับว่ากระทบใจและโน้มน้าวเข้าสู่โครงการ CSR ใหม่ล่าสุดของโตโยต้าได้อย่างแนบเนียน

‘ลด เปลี่ยน โลก’ เป็นชื่อโครงการใหม่จากโตโยต้าเมืองสีเขียว ที่เข้ามาร่วมด้วยช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของผู้คนด้วยการหาสิ่งของทดแทนการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง (Single Use Plastic) โดยสร้างเงื่อนไขเหมือนเป็นภารกิจในเกม มีการสะสมคะแนนรับของรางวัลเพื่อเป็นการขอบคุณที่ร่วมช่วยโลก อีกทั้งคะแนนนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นเงินสนับสนุนงานวิจัยเพื่อสิ่งแวดล้อมและลดปัญหามลภาวะแก่ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการพัฒนาต้นแบบนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมสู่ชุมชน จุดนี้ค่อนข้างสำคัญ เนื่องจากไม่ใช่แค่การบริจาคแล้วจบ หากแต่เป็นการเฟ้นหาความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมจากกลุ่มนักเรียนทั่วประเทศมาบ่มเพาะและต่อยอดให้เกิดขึ้นได้จริง โดยความร่วมมือจากทั้งสององค์กรและแรงสนับสนุนจากการ ‘ลด เปลี่ยน โลก’ ของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งนอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้แสดงความสามารถ ยังนับเป็นการสานฝันให้น้องๆ ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมได้จริงอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลไกที่จะขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม

แล้วเหตุใดองค์กรที่ผลิตรถยนต์อย่างโตโยต้าจึงอาสามาร่วมรณรงค์เรื่องปัญหาขยะ ก็เพราะนี่ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจากการสะสางของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกัน ซึ่งจากที่เราเคยติดตามโครงการ CSR เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ผ่านมาของโตโยต้า จะเห็นแก่นสำคัญของทุกโครงการอยู่ที่การช่วยกันคนละไม้คนละมือ สะท้อนความเชื่อของโตโยต้าว่าไม่มีทางที่ใครคนใดคนหนึ่งหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งจะมีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้ ดังนั้นหนทางที่พอจะเป็นไปได้มากที่สุดคือการกระตุ้นให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหา และ ‘เริ่มลงมือ’ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน จึงจะไปสู่เป้าหมายยิ่งใหญ่นั้นได้

การปลูกฝังองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมแก่เยาวชนผ่านกิจกรรม ‘โตโยต้า ลดเมืองร้อนด้วยมือเรา’

การรวมพลังปลูกป่าชายเลน ณ สถานตากอากาศบางปู ผ่านกิจกรรม “โตโยต้า ปลูกป่าชายเลน”

ซึ่งวิธีการเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดคือการแก้ไขจากปัญหาที่ใกล้ตัวที่สุดก่อน นั่นก็คือ ‘มลภาวะทางขยะ’

ทุกวันนี้ประเด็นมลภาวะขยะถือเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ลุกลามราวกับเป็นโรคมะเร็งของธรรมชาติ มีข้อมูลระบุว่า 73% จากขยะทั่วโลกก็คือพลาสติก โลกแบกรับกองขยะเหล่านี้มานานจนเกินทานทน จึงได้ส่งสัญญาณเตือนรูปแบบต่างๆ มาสู่ชาวโลก ย้อนกลับไปเมื่อปี 1950 พลาสติกประมาณ 83 ล้านตันถูกผลิตขึ้นทั่วโลก 50 ปีหลังจากนั้นมีการผลิตพลาสติกเพิ่มเป็น 2 เท่าตัว แถมในบางประเทศยังใช้พลาสติกอย่างไม่ถูกต้องด้วยซ้ำ ข้อเท็จจริงที่น่าตกใจบอกเราว่าขวดพลาสติก 1 ล้านขวดถูกซื้อไปทุก 1 นาที, ถุงพลาสติกราวๆ 2 ล้านถุงถูกใช้ไปทุก 1 นาที ไม่เพียงแค่นั้น พลาสติกยังเป็นอาชญากรที่ฆ่านกทะเลกว่า 1.1 ล้านตัวและสัตว์ทะเลน้อยใหญ่ในทุกๆ ปี และยังมีอีกหลากหลายเรื่องราวน่าหดหู่ที่ทำให้ทุกวันนี้พลาสติกกลายเป็นปัญหาสำคัญที่เราทุกคนควรช่วยกันลด ไม่ใช่ช่วยกันเพิ่มจำนวน

โครงการ ‘ลด เปลี่ยน โลก กับโตโยต้า’ มุ่งเน้นรณรงค์เรื่องลดการใช้ขยะพลาสติกในระดับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คน ความน่าตื่นตาตื่นใจคือ ลด เปลี่ยน โลก ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในการดึงโลกไซเบอร์มาผสานกับโลกแห่งความเป็นจริง เช่น พฤติกรรมการชอบใช้สมาร์ทโฟนถ่ายรูป การเข้าแอปพลิเคชัน การแชร์สิ่งดีๆ สู่โลกออนไลน์ ฯลฯ มีเงื่อนไขคือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ลดเปลี่ยนโลก.com ซึ่งเป็นรูปแบบของเว็บแอปพลิเคชัน สามารถดึงมาสู่หน้าจอสมาร์ทโฟนได้เพื่อการใช้งานที่สะดวกในทุกวัน หรือจะสแกนคิวอาร์โค้ดในร้านค้าที่ร่วมโครงการ

วิธีการที่จะได้คะแนนคือทุกๆ ครั้งที่มีการใช้สิ่งของทดแทนพลาสติก ให้คุณถ่ายรูปแล้วอัปโหลดลงในเว็บแอปฯ จะมีการเก็บคะแนนไปเรื่อยๆ คะแนนตรงนี้จะมีค่าเท่ากับเงินสนับสนุนการวิจัยฯ และเมื่อคุณทำดี คะแนนนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นของรางวัลดีๆ แก่คุณด้วยเช่นกัน

ระยะเวลา 3 เดือนในการร่วมโครงการคือตั้งแต่ 23 กันยายนถึง 22 ธันวาคม 2562 ช่วยอะไรโลกได้ไม่มากก็จริง แต่มันอาจจะช่วยเปลี่ยนชีวิตประจำวันของคุณไปโดยปริยาย เพราะหากเรามีกิจกรรมใดที่ทำเป็นกิจวัตร เราจะติดนิสัยนั้น  

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เราอยากให้คุณย้อนกลับไปดูคลิปวิดีโอออนไลน์อีกรอบ แล้วลองตั้งคำถามอย่างจริงใจกับตัวคุณเองว่า… เราทำอะไรหลายต่อหลายอย่างเพื่ออนาคตที่ดีของเรา แล้วเรื่องสิ่งแวดล้อมล่ะ เราทำอะไรแล้วหรือยัง?

เพราะปัญหามลภาวะคือหน้าที่ของเราทุกคน

เริ่มได้เลยนับตั้งแต่วันนี้ คลิก www.ลดเปลี่ยนโลก.com

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

• toyota.co.th
• givingcompass.org
• fairplanet.org
• solarimpulse.com
• nationalgeographic.com