การแพร่ระบาดของโรคโควิดที่กลับมาปะทุรุนแรงอีกครั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และส่วนประกอบสำคัญอื่นๆ ทำให้ Toyota Motor ตัดสินใจปรับลดแนวโน้มการผลิตสำหรับปีนี้ลงประมาณ 3% หรือราว 3 แสนคันด้วยกัน
ในขณะนี้ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นคาดว่าจะผลิตรถยนต์ได้ 9 ล้านคันในปีงบประมาณปัจจุบันที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มีนาคม 2022 แทนที่จะเป็น 9.3 ล้านคันตามการประเมินเดิม
ก่อนหน้านี้ Toyota ลดการผลิตลง 3.6 แสนคันทั่วโลกในเดือนกันยายน ล่าสุดได้ระบุว่าจะลดการผลิตอีก 70,000 คันในเดือนนี้ และ 3.3 แสนคันในเดือนตุลาคม ถึงการผลิตจะลดลงแต่ Toyota ยังคงคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานที่ 2.5 ล้านล้านเยนในปีนี้
เมื่อเดือนที่แล้ว Toyota เผยว่าจะมีการลดกำลังผลิตเนื่องจากการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วน ตลอดจนการระบาดของโรคโควิดทำให้โรงงานในมาเลเซียและเวียดนามต้องปิดตัวลงชั่วคราว
Bloomberg ชี้ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า แม้แต่ Toyota ที่รับมือกับปัญหาการขาดแคลนสินค้าได้ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ก็เสี่ยงต่อข้อจำกัดแบบเดียวกันที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในวงกว้าง ซึ่งที่ผ่านมาผู้ผลิตรถยนต์รายนี้มีชื่อเสียงในด้านความเชี่ยวชาญด้านซัพพลายเชนมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ
คาซูนาริ คุมมาคุระ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อของ Toyota Motor เผยว่า บริษัทจะพยายามฟื้นฟูการผลิตที่สูญเสียไปให้ได้มากที่สุด โดยกำลังมองหาการจัดหาชิ้นส่วนทดแทนเพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์ทั่วโลก
ด้าน ทัตสึโอะ โยชิดะ นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence ระบุว่า เมื่อพิจารณาจากเวลาและขนาดแล้ว การลดการผลิตของ Toyota ‘เป็นเรื่องที่น่าตกใจ’ ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วแม้แต่ Toyota ก็ยังมองไม่เห็นอนาคต แม้ ‘Toyota บอกว่าจะคงประมาณการกำไรเอาไว้ แต่บริษัทอื่นล่ะ?’
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นลงทุนอย่างหนักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเป็นแหล่งที่มีแรงงานราคาถูก และเป็นส่วนเสริมในการดำเนินงานของจีน ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้ากับอเมริกา Bloomberg ยกตัวอย่างว่า ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของ Toyota, Mitsubishi Motors, Honda Motor และ Nissan Motor
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
อ้างอิง: