×

หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว – ยกเลิกตรวจโควิดเมื่อเดินทางเข้ามาถึงประเทศไทยตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นบวกต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวมากขึ้น

25.04.2022
  • LOADING...
หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว

เกิดอะไรขึ้น:

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 เมษายน) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้ประกาศแนวทางผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเปิดประเทศต้อนรับผู้เดินทางที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์แล้วอย่างเต็มรูปแบบ 

 

โดยพัฒนาการที่สำคัญคือ ผู้เดินทางยังต้องลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass เพื่อแสดงหลักฐานวัคซีน แต่ไม่ต้องมีการเลือกโปรแกรม Test & Go, Sandbox หรือ Alternative Quarantine แล้ว มีการปรับลดวงเงินประกันสุขภาพเป็นไม่ต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (จาก 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ) และได้ยกเลิกการตรวจหาเชื้อโควิดเมื่อเดินทางมาถึง สำหรับผู้เดินทางที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์

 

กระทบอย่างไร: 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (SETTOURISM) ปรับเพิ่มขึ้น 9.4%MoM โดย

  • ราคาหุ้น AOT ปรับเพิ่มขึ้น 4.6%MoM สู่ระดับ 68.00 บาท
  • ราคาหุ้น AAV ปรับเพิ่มขึ้น 17.6%MoM สู่ระดับ 2.94 บาท
  • ราคาหุ้น AWC ปรับเพิ่มขึ้น 0.4%MoM สู่ระดับ 4.98 บาท
  • ราคาหุ้น CENTEL ปรับเพิ่มขึ้น 7.5%MoM สู่ระดับ 43.25 บาท
  • ราคาหุ้น ERW ปรับเพิ่มขึ้น 16.0%MoM สู่ระดับ 3.78 บาท
  • ราคาหุ้น MINT ปรับเพิ่มขึ้น 11.0%MoM สู่ระดับ 35.25 บาท

 

มุมมองต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย:

SCBS มีมุมมองเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมากขึ้น เนื่องจากการยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางจะทำให้ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวกลับคืนมา และเป็นการลดความเสี่ยงดาวน์ไซด์สำหรับความเร็วในการฟื้นตัว อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นจากเพียง 428,000 คนในปี 2564 สู่ 8 ล้านคนในปี 2565 และ 25 ล้านคนในปี 2566 หรือ 20% และ 63% ของระดับก่อนเกิดโควิด 

 

สำหรับพรีวิวผลประกอบการ 1Q65 ของผู้ประกอบการโรงแรม SCBS คาดว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้น โดย ERW คาดรายงานขาดทุนปกติ 350 ล้านบาท ดีกว่าขาดทุนปกติ 369 ล้านบาทใน 4Q64 และ 492 ล้านบาทใน 1Q64 (ขาดทุนปกติลดลงทั้ง QoQ และ YoY) โดยได้รับการสนับสนุนจาก RevPAR ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น (ไม่รวมโรงแรมชั้นประหยัด HOP INN) ที่ 156%YoY และ 10%QoQ

 

AWC คาดรายงานขาดทุนปกติ 541 ล้านบาท ดีกว่าขาดทุนปกติ 621 ล้านบาทใน 4Q64 และ 601 ล้านบาทใน 1Q64 โดยได้รับการสนับสนุนจาก RevPAR ที่แข็งแกร่งมากขึ้น: การดำเนินงานได้รับผลกระทบในเดือนมราคม 2565 จากการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน แต่มีการฟื้นตัวในเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2565 

 

MINT คาดรายงานขาดทุนปกติที่ 1.7 พันล้านบาท พลิกจากกำไรปกติ 1.7 พันล้านบาทใน 4Q64 เพราะถูกฉุดรั้งโดยช่วงโลว์ซีซันของการท่องเที่ยวในยุโรป แต่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากจากขาดทุนปกติ 5.2 พันล้านบาทใน 1Q64 

 

และ CENTEL คาดรายงานมีกำไรปกติที่ 83 ล้านบาท ลดลง 45%QoQ (แต่ดีขึ้นจากขาดทุนปกติ 476 ล้านบาทใน 1Q64) จากฐานสูงใน 4Q64 ซึ่งเกิดจากค่าเสื่อมราคาที่ลดลงและรายได้ภาษีระดับสูง สืบเนื่องมาจากการปรับปรุงสินทรัพย์สิทธิการใช้ในธุรกิจอาหาร

 

อย่างไรก็ดี SCBS เลือก AOT (ราคาเป้าหมาย 75 บาทต่อหุ้น) ERW (ราคาเป้าหมาย 4 บาทต่อหุ้น) และ AWC (ราคาเป้าหมาย 5.60 บาทต่อหุ้น) เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มท่องเที่ยว เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยสูง โดยเชื่อว่าความเร็วในการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่มีความแน่นอนมากขึ้นจะช่วยลดความเสี่ยงเกี่ยวกับการฟื้นตัวของผลประกอบการ และจะช่วยสนับสนุนให้สถานะทางการเงินปรับตัวดีขึ้น

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising