มาร์ก คาเวนดิช นักปั่นจากสหราชอาณาจักร พลาดการทำสถิติใหม่ในการเป็นนักปั่นที่คว้าแชมป์สเตจของจักรยานทางไกล ตูร์เดอฟรองซ์ มากที่สุด 35 สนาม หลังจากที่ วูต์ ฟาน เอิร์ต น่องเหล็กชาวเบลเยียม คว้าแชมป์สเตจสุดท้ายในการแข่งขันชาตูถึงฌ็องเซลิเซ
คาเวนดิชพยายามหาช่องว่างเพื่อแซงขึ้นไปคว้าแชมป์สเตจ แต่ไม่สามารถผ่านฟาน เอิร์ต ได้ในช่วงไม่กี่เมตรสุดท้ายที่มีการปั่นแบบเกาะกลุ่มเพื่อเบียดกันเข้าเส้นชัยในปารีส ทำให้นักปั่นวัย 36 ปีที่คว้าแชมป์สเตจไปแล้ว 4 สนามในปีนี้ ยังมีสถิติการคว้าแชมป์รวมที่ 34 สนาม เท่ากับ เอ็ดดี เมิร์ซ ตำนานนักจักรยานชาวเบลเยียมเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะล้มเหลวในการเป็นเจ้าของสถิติดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว ทว่า การครองสถิติเทียบเท่ากับตำนานชาวเบลเยียมอย่างเมิร์ซ ก็เป็นความสำเร็จที่น่าอัศจรรย์ของคาเวนดิชที่ต่อสู้เพื่อตำแหน่งในทีมมาหลายฤดูกาล และอาชีพของเขาเกือบจะจบลงตั้งแต่ปีก่อน จนกระทั่งเขาถูกเรียกตัวจากทีมเดเซนิงก์ ควิก สเตป เพื่อมาแทนที่ของ แซม เบนเน็ตต์ น่องเหล็กชาวไอริสที่บาดเจ็บ
ขณะที่แชมป์ผู้ทำเวลารวมดีที่สุดในปีนี้ตกเป็นของ ทาเดจ์ โปกาชาร์ นักปั่นจากสโลวีเนียที่ป้องกันแชมป์จากปีก่อนได้สำเร็จ แถมในปีนี้เขายังครองเสื้อลายจุดสัญลักษณ์ของเจ้าภูเขาและเสื้อขาวที่มอบให้นักปั่นอายุน้อยที่ทำเวลาได้ดีที่สุดด้วย
“เหลือเชื่อไปเลย ผมไม่เคยที่จะฝันเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่เกินฝันไปไกลมาก” โปกีกล่าวหลังจากคว้าแชมป์ได้สำเร็จ “มันยากที่จะบอกได้ว่า (ชัยชนะ) อันไหนพิเศษกว่ากัน ปีที่แล้วไม่มีแรงกดดันใดๆ และผมก็ไม่พร้อมที่จะคว้าชัยชนะ (ผมคง) มีความสุขในวินาทีนั้น และจบลงด้วยการที่ฉันชนะ แต่มาปีนี้ผมมีเสื้อเหลืองตั้งแต่สัปดาห์แรกแล้ว มันแตกต่างกันจริงๆ แต่ภูมิใจทั้งคู่”
นักปั่นวัย 22 ปี คว้าแชมป์ได้เพียง 3 สเตจ ในสเตจที่ 5 ที่เป็นการปั่นจับเวลา และสเตจที่ 17 และ 18 ที่เป็นการปั่นในพื้นที่ภูเขา แต่เขาก็ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในการทำเวลาที่สเตจอื่นๆ จนกระทั่งป้องกันแชมป์เสื้อทั้ง 3 ตัวที่เขาคว้ามาได้ในปีก่อนได้ทั้งหมด โดยมีเพียงเสื้อสีเขียวที่ถูกมอบให้ผู้ทำคะแนนเยอะที่สุดเท่านั้นที่เขาไม่สามารถได้ไปครอง และมันตกเป็นของคาเวนดิช
ขณะที่ในประเภททีม ทีมที่ทำเวลาดีที่สุดและคว้าแชมป์ประเภททีมไปครองคือทีมบาห์เรน วิคตอเรียส ด้วยเวลา 249 ชั่วโมง 16 นาที 47 วินาที อันดับที่ 2 ได้แก่ทีมอีเอฟ เอดูเคชัน นิปโป ที่ทำเวลาตามหลัง 19 นาที 12 วินาที และที่ 3 เป็นทีมจัมโบ วิสมา ตามหลังมา 1 ชั่วโมง 11 นาที 35 วินาที
อ้างอิง: