75 ปีหลังจาก เตียง และ สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ เปิดร้านหนังสือเล็กๆ แห่งแรก จนวันนี้ขยายขึ้นมาเป็น ‘กลุ่มเซ็นทรัล’ เชนค้าปลีกที่ใหญ่สุดของไทย และครอบคลุมถึง 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขา
“ลักชัวรีเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของกลุ่มเซ็นทรัล เริ่มจากการเข้าซื้อกิจการห้างรีนาเชนเต ซึ่งสอดคล้องกับจังหวะที่แบรนด์ลักชัวรีของยุโรปกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว” ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารของกลุ่มเซ็นทรัล กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ปิดดีลประวัติศาสตร์ เครือเซ็นทรัลผนึกซิกน่าเข้าซื้อกิจการกลุ่มห้างสรรพสินค้า Selfridges ในยุโรปเป็นที่เรียบร้อย
- ‘เวียดนาม’ คือเป้าหมาย ‘เซ็นทรัล รีเทล’ อัดงบลงทุน 30,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 100,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี
- ‘เซ็นทรัลพัฒนา’ คงเป้ารายได้ปีนี้โต 15-20% ลุ้นต้นปีหน้าผลประกอบการฟื้นตัวใกล้เคียงปีก่อนโควิด
ย้อนกลับไปก้าวแรกที่กลุ่มเซ็นทรัลได้ริเริ่มดำเนินธุรกิจในยุโรป มาจากการเข้าซื้อกิจการห้าง Rinascente ในปี 2554 ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 9 สาขาทั่วประเทศอิตาลี ตามด้วยการเข้าซื้อกิจการห้าง Illum ประเทศเดนมาร์ก ในปี 2556
นอกจากนั้น กลุ่มเซ็นทรัลยังได้ร่วมทุนกับซิกน่าในการเข้าซื้อกิจการกลุ่ม KaDeWe ที่มีห้างสรรพสินค้า 3 แบรนด์ ได้แก่ KaDeWe, Oberpollinger และ Alsterhaus ประเทศเยอรมนี ในปี 2558 อีกทั้งยังร่วมกันเข้าซื้อกิจการห้าง Globus ที่มี 10 สาขา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปี 2563
และในปี 2565 ได้ร่วมกันซื้อกิจการกลุ่ม Selfridges ที่เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้า 18 แห่ง ได้แก่ Selfridges ในอังกฤษ ห้างสรรพสินค้า de Bijenkorf ในเนเธอร์แลนด์ และห้างสรรพสินค้า Brown Thomas และ Arnotts ในไอร์แลนด์
“ปัจจุบันห้างในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัลต้อนรับลูกค้ากว่า 130 ล้านคนต่อปี กว่า 200 เชื้อชาติ และมีสมาชิกกว่า 6 ล้านคน ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จในธุรกิจลักชัวรีของกลุ่มเรา”
สำหรับก้าวต่อไป กลุ่มเซ็นทรัลมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ลักชัวรีในสองด้าน คือ
1. พัฒนาและขยายห้างสรรพสินค้าที่มีเอกลักษณ์ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญด้วยการร่วมมือกับลักชัวรีแบรนด์ เช่น LVMH, Kering และ Richemont เพื่อยกระดับและเพิ่มความหลากหลายของสินค้า
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินโครงการปรับปรุงและพัฒนาห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในหลายประเทศ รวมถึงการสร้างโครงการใหม่อีก 3 แห่ง และยังอยู่ในขั้นตอนศึกษาโอกาสเพื่อพัฒนาเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ทำเลทองใจกลางเมืองลอนดอนที่ Selfridges Flagship บนถนนออกซ์ฟอร์ดอีกด้วย
2. ขึ้นแท่นผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ปัจจุบันแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรป มียอดจำนวนผู้มาเยือนกว่า 30 ล้านคนต่อเดือน มีการจัดส่งสินค้าไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก และสร้างยอดขายได้ถึง 1 พันล้านยูโร (3.8 หมื่นล้านบาท) ต่อปี คิดเป็น 17% ของยอดขายทั้งหมด
โดยยอดขายออนไลน์ในต่างประเทศของ Selfridges.com มีสัดส่วนสูงถึง 40% ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลได้วางยุทธศาสตร์ให้ Selfridges.com เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ลักชัวรีหลักที่จะขยายต่อไป
“ในภาพรวมเราได้ตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจห้างสรรพสินค้าในปีนี้กว่า 6.7 พันล้านยูโร หรือ 2.6 แสนล้านบาท” ทศกล่าว
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP