สำหรับ Tops แม้ว่าจะเป็นเจ้าตลาดในกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่แล้วก็ตาม แต่ด้วยพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่าง Tops เองก็ต้องปรับตัวเองตามให้ทัน
หนึ่งในนั้นคือการทำให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในกระแสที่ผู้คนกำลังสนใจ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีการหยิบ Collaborative Marketing บวกกับแนวคิด CSR เกิดเป็นแคมเปญ ‘Tops x Moo Deng & Friends’
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘กระแสหมูเด้งฟีเวอร์’ ที่โด่งดังไปไกลทั้งในและต่างประเทศ สร้างซอฟต์พาวเวอร์ที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อประเทศโดยเฉพาะเศรษฐกิจใน 4 พื้นที่ ได้แก่ ศรีราชา, พัทยา, บางแสน และบางพระ
นับตั้งแต่หมูเด้งเกิดขึ้นมาได้ 4 เดือนทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่เพิ่มขึ้น 4 เท่า จากวันธรรมดา 1,000 คนเป็น 4,000 คน วันเสาร์-อาทิตย์ 4,000 คนเป็น 16,000 คน ทำให้รายได้โต 4-5%
ขณะที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียวเองก็มีผู้ชมเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 80,000 คนต่อเดือน มากสุดคือวันที่ 13 ตุลาคม มีทราฟฟิกเข้ามากว่า 14,000 คน ทำให้ทั้งเดือนตุลาคมมีทราฟฟิกทั้งสิ้น 3 แสนคนด้วยกัน
กระแสดังกล่าวทำให้แบรนด์ต่างเข้ามาทำคอลลาบอเรชันอย่างต่อเนื่องนับ 70 แบรนด์ คิดเป็นมูลค่า 50 ล้านบาท และคาดว่าครบ 1 ปีจะสร้างรายได้ให้กับสวนสัตว์เปิดเขาเขียวราว 100-150 ล้านบาท
“สำหรับแคมเปญ Tops x Moo Deng & Friends เราไม่ได้คาดหวังด้านยอดขายเป็นหลัก แต่เป้าหมายของเราคือการทำให้แบรนด์อยู่ในกระแสเสมอ” จักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าว
Tops x Moo Deng & Friends จะเป็นการจำหน่ายสินค้าภายใต้แคมเปญดังกล่าว ได้แก่ เค้กดีไซน์พิเศษจาก The Baker, เสื้อยืด I love Thailand คอลเล็กชันเจ้าหมูเด้ง และกางเกงหมูเด้ง ซึ่งทุกการสั่งซื้อต่อชิ้นสมทบทุน 50 บาท นำไปบริจาคให้แก่องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายใต้ชื่อ ‘หมูเด้งชวนช่วยผู้ประสบอุทกภัยและดูแลสวัสดิภาพเพื่อนสัตว์’ และยังมีสินค้าน้ำมะพร้าวน้ำหอมจากแบรนด์ NC ที่ทุกการสั่งซื้อต่อชิ้นสมทบทุน 4 บาทด้วย
แคมเปญดังกล่าวจะทำต่อเนื่องถึงวันที่ 15 ธันวาคม และหากมีผลตอบรับที่ดีอาจขยายระยะเวลาไปอีก ที่สำคัญแคมเปญดังกล่าวถือเป็นการคิกออฟแคมเปญใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งถือเป็นช่วงที่สร้างยอดขายมากที่สุดให้กับ Tops