ด้วยการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะผลจากการระบาดของโควิด ทำให้บรรดาแบรนด์ค้าปลีกต่างๆ ต้องทำ ‘ร้านออฟไลน์’ ให้แตกต่างไปจากเดิม ไม่เพียงแต่แข่งกับร้านอื่นๆ ด้วยกันเท่านั้น แต่ยังเป็นการแข่งกับโลกออนไลน์ที่มอบความสะดวกสบายด้วยการส่งถึงหน้าบ้านอีกด้วย
จากการสำรวจโดย Shopify พบว่า เพื่อให้สามารถแข่งขันได้นั้น จำนวน 40% ของแบรนด์ที่สำรวจกล่าวว่า การเสนอประสบการณ์ค้าปลีกจะมีความสำคัญสูงสุดสำหรับพวกเขา ซึ่ง 32% ของผู้บริโภค กล่าวว่า พวกเขามีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมด้วย
ในการเอาชนะใจลูกค้า นอกเหนือจากการวางตำแหน่งในเชิงกลยุทธ์แล้ว แบรนด์ต่างๆ จะต้องให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจและไม่ซ้ำใครในร้านค้า กระนั้นการที่แบรนด์หลั่งไหลเข้าสู่โลกออนไลน์จะทำให้การแข่งขันเพิ่มขึ้น ร้านค้าปลีกจะต้องสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน เช่น การสร้างประสบการณ์เพื่อเอาชนะใจลูกค้า และความภักดีของลูกค้า
ซึ่งสำหรับเซ็นทรัลรีเทล หรือ CRC กำลังใช้จุดนี้มาสร้างความแตกต่างให้กับตัวเองด้วยการเปิด ‘Tops CLUB’ โมเดล Membership Store แห่งแรก
“สินค้า ราคา และความแตกต่าง จะเป็นสิ่งที่ทำให้สมาชิกประทับใจจนอยากกลับมาซื้อซ้ำ” หนึ่งในผู้บริหารกล่าวระหว่างนำสื่อมวลชนกลุ่มแรกเข้าชมร้าน “เรามองว่าจะประสบความสำเร็จ ซึ่งที่นี่จะไม่ใช้คำว่าราคาถูก แต่จะใช้ราคาที่คุ้มค่า เช่น สินค้าบางอย่างก็สามารถทำราคาได้ดีกว่าต่างประเทศด้วยซ้ำ”
สำหรับ Membership Store อาจเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยกับคนไทยเท่าไรนัก แต่ระบบสมาชิกนั้นเป็นสิ่งที่แบรนด์ส่วนใหญ่มี ซึ่งอย่างเครือเซ็นทรัลเองก็มี The 1 ที่มีฐานสมาชิกกว่า 19 ล้านคน โดยการวิจัยของ RIS News พบว่า 33% ของแบรนด์ที่สำรวจพบผู้ซื้อมากกว่า 50% ที่มาจาก Loyalty Program
สำหรับ Tops CLUB ผู้ที่จะเข้าไปซื้อสินค้าได้นั้นจะต้องสมัครสมาชิกซึ่งมี 2 แบบ คือ สมาชิกทั่วไป ไม่เสียค่าใช้จ่าย และ Premium Member จ่าย 799 บาทสำหรับโปรโมชัน จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 หลังจากนั้นจะเป็นราคา 999 บาทต่อปี ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือจะได้ส่วนลด 5% ด้วย
CRC ระบุว่า ใช้เวลา 2 ปีเต็มในการพัฒนาคอนเซปต์สโตร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยสาขาแรกมีพื้นที่กว่า 15,000 ตารางเมตร บริเวณด้านหลังศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 มีสินค้ากว่า 3,500 รายการจากทั่วทุกมุมโลก ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้า
“ที่เลือกทำเลนี้เพราะมีกำลังซื้อสูงและมีฐานลูกค้าจำนวนมาก” ผู้บริหารกล่าว “เราคาดหวังว่าลูกค้าที่มา Tops CLUB จะใช้เวลามากกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปราว 1 เท่าตัว และมียอดซื้อต่อบิลเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า”
ทั้งนี้ ผลวิจัยจาก Shopify ยังบอกด้วยว่า ในสหรัฐอเมริกาผู้บริโภค Gen Z จำนวน 81% ชอบจับจ่ายซื้อของในร้านค้าเพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และมากกว่า 50% บอกว่า การเดินดูสินค้าในร้านเป็นวิธีตัดขาดจากโลกดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม Membership Loyalty Program เป็นหนึ่งในสิ่งที่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ต่างเลือกใช้และค่อนข้างประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เช่น Nike มีฐานลูกค้ากว่า 79 ล้านคนทั่วโลก และช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ระบุว่า การมีส่วนร่วมของสมาชิกเพิ่มขึ้น 27% โดยมีผู้ซื้อซ้ำเพิ่มขึ้น 50%
Starbucks Rewards ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชี้วัดได้ โดยในช่วงไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ 2564 มีผู้ใช้งานกว่า 26.4 ล้านคน ตามรายงานของ Starbucks มีผู้สมัครสมาชิกในอเมริกาเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบเป็นปีต่อปี และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในไตรมาส 4 ของปี 2563 ยอดขายกว่า 50% มาจากสมาชิก
Tops CLUB จะเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 28 กันยายนเป็นต้นไป สำหรับสาขาต่อไปมีแผนจะขยาย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เซ็นทรัล รีเทล ชู Green & Sustainable Retail เป็นค้าปลีกแรกของไทย ตอกย้ำองค์กรต้นแบบเพื่อความยั่งยืน
- เปิดแล้ว ‘โรงแรม Centara Korat’ จิ๊กซอว์สุดท้ายในโครงการมิกซ์ยูสหมื่นล้าน ‘เซ็นทรัล โคราช’ การลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในอีสานของ CPN
- 75 ปี ‘กลุ่มเซ็นทรัล’ ความสำเร็จอันน่าทึ่งจากร้านหนังสือเล็กๆ สู่ ‘ผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรีระดับโลก’ ที่ครอบคลุมถึง 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขา
อ้างอิง:
- https://www.shopify.com/research/future-of-commerce/future-of-retail
- https://risnews.com/10-hottest-retail-loyalty-plans-2022
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP